แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือ “สิงโตคำราม” อังกฤษทำการจับลูกทีมเล่นโยคะเพื่อเรียกความฟิต ก่อนจะลงสนามนัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซีดวล สโลวีเนีย ในวันอังคารนี้

โดยขุนพลแข้ง “สิงโตคำราม” โดนวิจารณ์อย่างหนักกับผลงานในเกมเสมอ เดนมาร์ก 1-1 ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญคือเรื่องความฟิตของนักเตะที่ยังดูไม่เต็มร้อย ล่าสุด เซาธ์เกต ได้ทำการแก้ปัญหานี้ ด้วยการให้ผู้เล่นร่วมเล่นโยคะ โดยมี ดร.เรเบกาห์ เจด เป็นเทรนเนอร์ ที่แคมป์ฝึกซ้อม เพื่อให้ในเกมนัดสุดท้ายนักเตะทุกคนเล่นด้วยความฟิต และมีจังหวะเพรสซิ่งที่ดุดันกว่าเดิม

สำหรับ อังกฤษ เวลานี้มี 4 แต้ม และมีลุ้นร่วงมาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม หากพ่ายเกมสุดท้าย ซึ่งนั่นจะทำให้พวกเขาต้องดวล เยอรมนี เจ้าภาพในรอบน็อกเอาท์ต่อไป

ขณะที่ โดเมนิโก เตเดสโก กุนซือทีมชาติเบลเยียม ออกมายกย่อง เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพกัปตันทีม ว่าคือคีย์แมนสำคัญที่ช่วยให้ทัพ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” กลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งในเกมชนะ “ผีดิบ” โรมาเนีย 2-0 ในศึก ยูโร 2024 รอบแบ่งกลุ่ม โดยเกมนี้ เบลเยียม ได้ประตูจาก ยูริ ตีเลมานส์ และเดอ บรอยน์ ช่วยทีมประเดิม 3 คะแนนสำคัญ ทำให้สถานการณ์ในกลุ่ม อี เวลานี มี 3 คะแนน เท่ากันทั้ง 4 ทีม หลังจากผ่านไป 2 นัด ทำให้ต้องไปตัดสินการเข้ารอบกันในนัดสุดท้าย

หลังเกม เตเดสโก เผยถึง เดอ บรอยน์ ที่ยิง 1 ประตูในเกมนี้ ว่า “ผมอาจจะไม่ได้รู้จักเควิน ดีนักเพราะผมเพิ่งเป็นโค้ชเบลเยียมได้ 1 ปีและเขาก็พลาดลงสนามในรอบคัดเลือกไปหลายเกม ดังนั้น ผมจึงต้องพึ่งพาคำแนะนำจากคนอื่นเล็กน้อยเกี่ยวกับเขา แต่เมื่อคุณเห็นสิ่งที่เขาแสดงให้กับเราในค่ำคืนนี้ นั่นคือผลงานที่แสนวิเศษ และเขาคือแข้งสำคัญของทีมอย่างชัดเจน” เตเดสโก้ กล่าว

สำหรับเกมหน้า เบลเยียม จะดวล ยูเครน และ โรมาเนีย ที่จะดวล สโลวาเกีย และต้องลุ้นคว้าชัยเพื่อเข้ารอบต่อไป ในวันที่ 26 มิ.ย. นี้

ขณะที่ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ขึ้นแท่นเป็นผู้เล่นที่ทำแอสซิสต์สูงที่สุดในฟุตบอลยูโร เป็นที่เรียบร้อย โดยดาวเตะวัย 39 ปี มีโอกาสทำประตูเองในจังหวะหลุดขึ้นไปในเขตโทษ แต่เจ้าตัวเลือกที่จะถวายพานให้กับ บรูโน่ เฟอร์นานเดส ยิงปิดท้ายให้ทีมชนะ ตุรกี ไป 3-0 ซึ่งจากผลงานนี้ทำให้ โรนัลโด้ทำแอสซิสต์ในศึกยูโรไปแล้ว 7 ครั้ง ถือเป็นสถิติสูงสุดหลังจากที่ครองตำแหน่งร่วมกับ คาเรล โพดอลสกี้ ของ เช็ก ที่ 6 ครั้งเท่ากันก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ชัยชนะในเกมนี้ยังเป็นการชนะ 2 เกมแรกของศึกยูโร เป็นครั้งแรกของ โปรตุเกส นับตั้งแต่การแข่งขันเมื่อปี 2008 ด้วย