“เอเชี่ยนอินดอร์-มาร์เชี่ยลอาร์ตส์เกมส์” (Asian Indoor and Martial Arts Games) เป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาและแรงมากหลังจากจบโอลิมปิกเกมส์ 2024
รายการนี้ถูกเลื่อนการแข่งขันแล้วทั้งสิ้นเป็นจำนวน4 ครั้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการจัดการแข่งขันกีฬาระดับทวีปของเอเชีย
เริ่มต้นนั้นกำหนดการจะมีขึ้นในวันที่ 21-30 พฤษภาคม 2021 แต่ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
จากนั้นกำหนดการใหม่คือ 17-26 พฤศจิกายน 2566 แต่ขอเลื่อนไปเนื่องจากเหตุผลไทยเปลี่ยนรัฐบาล ไปเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์-6 มีนาคม 2567
จากนั้นก็เลื่อนอีก มาเป็นวันที่ 21-30 พฤศจิกายน พ.ศ.2567
สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) มอบเกมนี้อย่างเป็นทางการให้กับกรุงเทพฯ และจังหวัดชลบุรี และลงนามในสัญญาสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพในเดือนเมษายน 2020 พร้อมทั้งมีจำนวนกีฬามากที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันรวม 34 รายการ
จะเป็นมหกรรมกีฬาในร่มและศิลปะการต่อสู้แห่งเอเชียครั้งแรก ซึ่งจัดโดย 2 เมือง และ 2 จังหวัด โดยกรุงเทพฯเมืองหลวงของไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากเป็นเจ้าภาพครั้งแรก อินดอร์เกมส์ (Asian Indoor Games) ในปี 2005 และมาร์เชี่ยลอาร์ตส์เกมส์ (Asian Martial Arts Games) ในปี 2009
และจังหวัดชลบุรี
บทสรุปสุดท้าย คือ เอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชี่ยลอาร์ตส์เกมส์ครั้งที่ 6 จะจัดชิงชัย 36 กีฬาหลัก รวม 358 เหรียญทองและ 2 กีฬาสาธิต คือ เทคบอค 3 เหรียญทอง และกีฬาทางอากาศ อีก 3 เหรียญทอง รวมทั้งสิ้น 364 เหรียญทอง
l กีฬารายการนี้มาจากพื้นฐานไหน
สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย หรือโอซีเอ มีแนวคิดในช่วงสหัศวรรษใหม่ หลังจบการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ปี 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ว่า อยากให้มี “กีฬาใหญ่” ทุกปี เป็นการแสดงศักยภาพของนักกีฬาต่อเนื่อง โดยเพิ่มจากเอเชียนเกมส์ เพิ่มมาเป็น เอเชียนอินดอร์เกมส์ (กีฬาในร่ม), เอเชี่ยนมาร์เชียลอาร์ตส์เกมส์ (กีฬาต่อสู้) และบีชเกมส์ (กีฬาชายหาด)
ดำริกันว่าจะมีแข่งขัน “ทุกปี” เท่ากับว่าเอเชียจะมีแข่งกีฬาใหญ่กัน “ปีละเกม” โดยนำกีฬาที่แตกต่างกัน และไม่ได้อยู่ในเกมใหญ่อย่าง “เอเชียนเกมส์” ได้มีโอกาสแข่งขัน
ลักษณะเดียวกันกับ “เวิลด์เกมส์” ก่อนจะเข้า “โอลิมปิกเกมส์”
เอเชี่ยน อินดอร์เกมส์ ถือกำเนิดเกิดขึ้นที่ไทยรับเป็นเจ้าภาพ ปี 2005 ที่กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, สุพรรณบุรี และพัทยา โดยมี“เฮ-ฮา” เป็นมาสคอตช้างไทยนำทัพ
ปี 2008 “บีชเกมส์” ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก มีชาติร่วมถึง 41 ชาติ ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
ปี 2009 “มาร์เชี่ยลอาร์ตส์เกมส์” ได้แข่งขันเป็นครั้งแรก ก็ไทยเราเป็นเจ้าภาพ โดยใช้ “หนุมานยินดี” เป็นมาสคอตแข่ง 9 ชนิดกีฬา แข่งที่กรุงเทพฯ และสุพรรณบุรี
อินดอร์เกมส์ จัดได้ทั้งหมด 3 ครั้ง นั่นคือ 2005 ที่ไทย 2007 ที่มาเก๊า และ 2009 ที่เวียดนาม สุดท้ายหาเจ้าภาพไม่ได้ เกมส์ไม่ได้รับความนิยม ทำให้ต้องมารวมกับ “มาร์เชี่ยลอาร์ตส์” ที่จัดแค่หนเดียวก็แป้ก
จึงกลายเป็น “เอเชี่ยน อินดอร์ และมาร์เชี่ยลอาร์ตเกมส์”
รวมกันหนแรกคือปี 2013 ที่อินชอน เกาหลีใต้ ต่อด้วยปี 2017 ที่อาชกาบัต เติร์กเมนิสถาน
ขณะที่ “บีชเกมส์” ยังคงหายใจอยู่ (ด้วยออกซิเจน)โดยจัดมาแล้ว 5 ครั้ง ที่บาหลี 2008, ปี 2010 ที่โอมาน,ปี 2012 ที่ไห่หยาง จีน, ปี 2014 ที่ภูเก็ต ไทย, ปี 2016 ที่ดานังเวียดนาม และหยุดไปยาวเพราะโควิด โดยจะจัดที่เมืองซานย่า ประเทศจีน ตั้งแต่ปี 2020 และจะจัดปี 2023ก็ยังเงียบอยู่ ข่าวคราวเงียบหายไปหลายปีเหมือน สมศรี 1992 ของพี่ยิ่งยง
ปัญหาใหญ่คือ งบประมาณในการเก็บตัวนักกีฬา,เจ้าภาพจะรับงานแทบไม่มี และมีผลกระทบเศรษฐกิจโลกชัดเจนสุดคงไม่พ้น การที่ “โอซีเอ” ควบรวมกีฬา “อินดอร์เกมส์” กับ “มาร์เชี่ยลอาร์ตส์เกมส์” เข้าด้วยกัน พร้อมกับต้องการขยับปีของ “เอเชี่ยนเกมส์” ออกไปจากปี 2018 เป็นปี 2019 โดยอ้างว่าจะให้เตรียม 1 ปี ก่อนไปโอลิมปิก
ปรากฏว่าเวียดนาม ที่บิดเป็นเจ้าภาพได้ กลับถอนตัวออกไปฉิบ ทำให้ อินโดนีเซีย ที่ใช้ “สุราบาย่า” ในการบิดแล้วแพ้ก็มารับหน้าที่
แต่เงื่อนไขก็คือ กลับมาจัดปี 2018 เพราะใช้งบประมาณใหม่ไม่ได้ ทำให้ต้องมาจัดที่จาการ์ตา
ก่อนจะเข้าสู่ยุคโควิด ยิ่งยากต่อการหาเจ้าภาพจัดงาน...
l ในวันนี้ของการรวมกันของสองเกม
ก่อนที่ โอลิมปิก จะเริ่มต้นขึ้น ผมเป็นหนึ่งในนักข่าวไทยได้สัมภาษณ์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ไทยเฮาส์ ลา ฟาบริก ประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากสถานการณ์ประเทศไทยยังคลุมเครือเรื่องการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เอเชี่ยน อินดอร์และมาร์เชี่ยลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6
นายเสริมศักดิ์ ระบุถึงเรื่องงบประมาณในการจัดการแข่งขัน และอาจจะต้องตัดการแข่งขันหลายชนิดกีฬาที่ “ซ้ำซ้อน” จากการแข่งขันรายการอื่นๆ ออกไปบ้าง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
เมื่อโอลิมปิกจบลงไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็มีประเด็นร้อนเติมมาอีกที่ว่า “บื๊กแน๊ต” นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวด่วน กับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยให้ข้อมูลว่า ถ้าเราไม่จัด, ถ้าเราลดชนิดกีฬาลงไป
ตอนนี้เท่ากับ “กระทบความเชื่อมั่น” ในอนาคตเรื่องของการเป็นเจ้าภาพชนิดต่าง ๆ
14 ชนิดกีฬา ที่ถูกยกมานั้น ประกอบด้วย แบดมินตัน, เบสบอล, บิลเลียด, เชียร์ลีดดิ้ง, ฟันดาบ, อินดอร์ฮอกกี้, เนตบอล, อินดอร์ สวิมมิ่ง, กรีฑาในร่ม, เรือพายในร่ม, ยิงปืน, วอลเลย์บอล, ยกน้ำหนัก และมวยปล้ำ
“สภาโอลิมปิกแห่งเอเชียจะมีการเชิญประชุมกับคณะกรรมการบริหารทั้งหมดในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ เวลา 15.00 น.โดยไม่เชิญคณะกรรมการโอลิมปิก ผู้แทนรัฐบาลไทย รวมถึงผู้ว่าการ กกท.ก็ไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจากต้องการจะพูดถึงการตัดสิทธิ์ประเทศไทยจัดการแข่งขันเอเชี่ยนอินดอร์ แอนด์มาร์เชี่ยลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6” นายชัยภักดิ์ ระบุ
พร้อมกับเป็นที่หวั่นใจว่า จะตัดสิทธิ์นักกีฬาจากเอเชี่ยนเกมส์ครั้งหน้า หรือไม่อย่างไรนั้น เป็นสิ่งที่ยังตอบไม่ได้ หวังว่ามันจะไม่รุนแรงถึงขั้นนั้น และมันน่าคนละส่วนกัน
เอาเข้าจริงก็คือ สรุปง่ายๆ กีฬาที่จัดขึ้นนั้น เกิดขึ้นจากการที่ โอซีเอ “ต้องการมีลูก” แต่มีแล้ว “ไม่รู้จะเลี้ยงยังไง”และเกิดภาระผูกพันต่อเนื่อง จะด้วยเศรษฐกิจหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่แน่ๆ มันกลายเป็นเรื่อง “แตกแยก” ไปอีกครั้ง
เมื่อเห็น “โลโก้” ของการจัดการแข่งขันคือ “พวงมาลัย” แต่ไม่อยากให้มัน “อาบยาพิษ”
สุดท้ายแล้วพื้นฐานของมนุษย์ก็คือ เมื่อรับปากแล้ว“ก็ต้องทำ” และจะ “ทำ”ออกมากันแบบไหน
เพราะคิดการใหญ่ ใจต้องถึง และอย่าลืมคำนึงเงินกระเป๋า“ทำ” มันก็มีหลายอย่างนะครับ ไม่ใช่สักแต่ว่า“ทำ” ก็มันก็เหมือนกับการชีวิตปกตินี่แหละ “ทำ” ด้วยใจ,“ทำ” ทุ่มเทเกินเงินเดือน หรือ “ทำ” ไปงั้นๆ “ทำ” ให้มันจบไปวันๆ
ที่สุดแล้วอยากให้ “ทำ” อย่างเป็น “ธรรม” เพราะทุกอย่างที่ทำ
มันเกิดจาก “ภาษี” ของการ “ทำ” ของคนไทย…
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี