หลังจาก 10 วันที่เปิดตลาด สโมสรในพรีเมียร์ลีกทุ่มเงินไปกว่า 400 ล้านปอนด์ ตั้งแต่วันที่ 1-10 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้เวลากลับมาเปิดตลาดกันอีกครั้งสำหรับวงการฟุตบอลตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป

ในช่วงซัมเมอร์นี้ ตลาดซื้อขายนักเตะแบบ 2 ช่วงที่ไม่ธรรมดานี้จะเปิดขึ้นเพื่อให้สโมสรต่างๆ เซ็นสัญญากับนักเตะสำหรับการแข่งขันฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ที่เริ่มขึ้นไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา

เรารอไม่นาน เพราะตลาดซื้อขายนักเตะจะเปิดอีกครั้ง วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะปิดตัวลงในวันจันทร์ที่ 1 กันยายน เวลาตี 1 ตามเวลาประเทศไทย

ฟีฟ่ากำหนดว่าตลาดซื้อขายนักเตะจะยาวไม่เกิน 16 สัปดาห์ในหนึ่งปีปฏิทิน ดังนั้นจึงมีการแบ่งช่วงในช่วงซัมเมอร์นี้

เวลานี้ สโมสรในพรีเมียร์ลีก ได้จ่ายเงินไปแล้ว 400 ล้านปอนด์สำหรับค่าตัวผู้เล่นก่อนฤดูกาลใหม่ ซึ่งมากกว่าสโมสรในลีกสูงสุดอย่างเยอรมนี สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส และขาใหญ่จากทะเลทราย ซาอุดีอาระเบีย

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี เป็น 2 สโมสรในพรีเมียร์ลีกที่เข้าร่วมการแข่งขันฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพในสหรัฐฯ ซึ่งก็เสริมทัพกันทันทีเช่นเดียวกัน กับโอกาสในการจารึกชื่อแชมป์ทีมโลกยุคใหม่ทีมแรก

เชลซี เริ่มแคมเปญ  กับ ลอสแองเจลิส เอฟซี ในวันที่ 16 มิถุนายน ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ จะพบกับทีมจากโมร็อกโกอย่าง วีดัด เอซี ในวันที่ 18 มิถุนายน

ทั้งสองทีมต่างก็มีผู้เล่นหน้าใหม่ โดย แมนฯ ซิตี้ ยักไหล่หาได้สะท้านสะทกกับโทษที่ถูกคาด เมื่อกระโจนเข้าตลาด เพื่อหวังล่าความสำเร็จทันที เพราะปีก่อนมือเปล่า ได้ตัว รายัน เอต-นูรี แบ็กซ้ายสายบุกของ “สุนัขป่า” วูล์ฟส์ มาด้วยราคา 31 ล้านปอนด์ และ มาร์คัส เบตติเนลลี ผู้รักษาประตูจากเชลซี

นอกจากนี้ พวกเขายังประกาศการเซ็นสัญญากับรายาน เชอร์กี กองกลางตัวรุกจากลียงด้วยค่าตัวเบื้องต้น 30.45 ล้านปอนด์ และทิจจานี ไรน์เดอร์ส กองกลางทีมชาติเนเธอร์แลนด์จากเอซี มิลาน ก่อนกำหนดเส้นตาย 46.5 ล้านปอนด์

เชลซี ใช้เงินไป 89.5 ล้านปอนด์ เพื่อดึง เลียม ดีแลป (30 ล้านปอนด์), ดาริโอ เอสซูโก (18.5 ล้านปอนด์) และมามาดู ซาร์ (12 ล้านปอนด์) โดยมี เอสเตวา วิลเลียน (29 ล้านปอนด์) อีกคนที่เข้าร่วมทีม หลังจากตกลงย้ายทีมเมื่อปีที่แล้ว

ในยุคของ ท็อด โบห์ลี่ย์ นักบอลเชลซียังล้นปรี่ล้นขลุ่ยเหมือนอย่างเคย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้จะไม่ได้อยู่ในรายการชิงแชมป์สโมสรโลก แต่ทำสัญญาย้ายทีมที่แพงที่สุด โดยทุ่มเงิน 62.5 ล้านปอนด์เพื่อคว้า มาเตอุส คุนญ่า กองหน้าชื่อแก่แต่หนุ่ม ของ วูล์ฟส์

ขณะที่ ลิเวอร์พูล ปิดดีลแบ๊กขวาที่ไม่ชอบเล่นเกมรับอย่าง เฌเรมี่ ฟริมปง มาเสริมระบบไฮบริดเพื่อป้องกันแชมป์ในราคารวมแอด-ออนส์ แล้วน่าเจรจาต้าอ้วย 34 ล้านปอนด์ เพราะเงินสดอยู่ที่ 20 ล้านปอนด์ปลาย ๆ ส่วนนักเตะค่าตัวแพงระดับ 100 ล้านปอนด์คนที่ 10 ของโลก อย่าง ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยังไม่ถือว่าจบในรอบแรกของการซื้อขาย

TOP 5 การซื้อตัวยกแรกของพรีเมียร์ลีก

1.มาเตอุส คุนญ่า จาก วูล์ฟส์ ไป แมนฯยู 62.5 ล้านปอนด์

2.ดีน ฮุยเซ่น จาก บอร์นมัธ ไป เรอัล มาดริด 50 ล้านปอนด์

3.ทิจจานี ไรน์เดอร์ส จาก เอซี มิลาน ไป แมนฯซิตี้ 46.5 ล้านปอนด์

4.ฌอน-แคลร์ โตดิโบ่ จาก นีซ ไป เวสต์ แฮม 36.3 ล้านปอนด์

5.รายัน เอต-นูรี จาก วูล์ฟส์ ไป แมนฯซิตี้ 31 ล้านปอนด์

จากนี้ลองจับตามองกันให้ดี เนื่องจากเพียงเริ่มต้นยกแรกนั้น การเซ็นสัญญาของ มาสเตอุส คุนญ่า ก็ทำลายสถิติค่าตัวสูงสุดในพรีเมียร์ลีกเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วไปแล้ว ที่ สเปอร์ส ทุ่มเงิน 55 ล้านปอนด์คว้าตัว โดมินิก โซลันกี้ กองหน้าจากบอร์นมัธ ไปร่วมทัพ

ขณะที่เดียวกัน ไม่เพียงแต่พรีเมียร์ลีก จะไปหยิบจับนักบอลจากต่างประเทศมาอย่างเดียว เพราะมีสมองไหลออกไปแล้วเช่นเดียวกัน อย่างน้อยก็ 3 ดีล จะ ๆ

1.เส้นทางจาก ไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม มุ่งหน้าไป เบอร์นาเบว ในเมืองหลวงสเปน ที่มันแทบจะไม่มีใครรู้จัก ก็เกิดขึ้น เมื่อ ดีน ฮุยเซ่น เก็บข้าวของจากบอร์นมัธไป เรอัล มาดริด 50 ล้านปอนด์

ว่ากันว่าดีลนี้ ชุดขาว หยิบชิ้นปลามันไปกินกับข้อเสนอถึง 7 รายการที่วางบนโต๊ะให้ ฮุยเซ่น ได้ขบคิด

2.เรอัล มาดริด ยังเลือกที่จะจ่ายเงินอีก 8.4 ล้านปอนด์ เพื่อรีบนำตัว เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ๊กขวาจอมแอสซิสต์ขอ งลิเวอร์พูล ที่รอคอยมานาน มาใช้งานในฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ ก่อนสัญญาจะหมดลงในวันที่ 30 มิถุนายน

3.เส้นทางแปลก ๆ จาก อังกฤษ ไปยัง ดอร์ทมุนด์ เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจาก 5 ปีก่อน มีนักบอลสกุล “เบลลิ่งแฮม” ย้ายมา เบอร์มิ่งแฮม มาอยู่กับทีม ก่อนจะย้ายออกไปในปี 2023 ให้หลัง 2 ปีมีคนสกุลนี้กลับมาอีกครั้ง

คราวนี้ ”เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เปิดรูธใหม่เป็นเส้นทางจากเวียร์ไซด์ ด้วยการคว้า โจ้บ เบลลิงแฮม น้องชายของจู๊ด มาจากซันเดอร์แลนด์ ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 27.8 ล้านปอนด์

ยังต้องไปอีกไกลกว่าจะถึงยอดรวมเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วซึ่งยอดสุทธิทะลุไปถึง 1,980 ล้านปอนด์ สำหรับค่าตัวผู้เล่นของสโมสรในพรีเมียร์ลีก ขณะที่ยอดใช้จ่ายสูงสุดที่ 2,360 ล้านปอนด์ เมื่อซัมเมอร์ปี 2023

ซึ่งผมเชื่อว่าปีนี้ จะซื้อกันยับเยินไม่น้อยหน้ากัน เพราะทีมที่ไม่ค่อยจะออกอาวุธอย่าง ลิเวอร์พูล จะกดไปแล้วเกือบ 130 ล้านปอนด์

แล้วจะเหลืออะไรล่ะครับทีนี้!!!!!!

บี แหลมสิงห์