วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กีฬาซีเกมส์ ได้ฤกษ์เปิดฉากอย่างเป็นทางการ กับปีที่ว่ากันว่า “ดราม่า” มากมายตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
ปัญหามีให้เห็นกันอย่างต่อเนื่่อง โดยเฉพาะประเด็นมากมายที่ผ่านทางโลกออนไลน์ อันเนื่องมาจากการที่ประเทศไทยนั้น เจอกับเรื่องราวต่าง ๆ หลายหลาก
ทำให้ ซีเกมส์ ครั้งนี้ ถูกมองเห็นมาจาก “ปัญหา” มาเป็นปัจจัยหลัก
เรื่องแรกคือสิ่งที่เราไม่อาจจะต้องทานได้ นั่นคือ ภัยธรรมชาติ แม้จะบริหารจัดการให้ดีก็ยังยาก แต่ถ้าไม่บริหารจัดการไว้เลย
อันนี้น่าสนใจ
หนนี้ถึงกับต้องย้ายสนามแข่งขันกันทั้งหมด เนื่องจากพิบัติภัยทางน้ำ ทำให้ สงขลา ซึ่งเป็น 1 ใน 3 จังหวัดหลักต้องยกเลิกเพื่อฟื้นฟูเมือง
จากนั้นรายละเอียดยิบย่อย ถูกกางขึ้นมามากมาย ทั้งเรื่องจริงบ้าง อยากให้จริงบ้าง ซึ่งเป็นปกติของซีเกมส์
แต่กีฬาบ้านเราปีนี้ต้องเจอทั้งช่วงเวลาที่ประเทศกำลังมี "เหตุปะทะ" กับความขัดแย้งตามแนวชายแดน ซึ่งก็ไม่เข้าใจแต่แอบเข้าใจเหมือนกันว่า ทำไม กัมพูชา ถึงได้มาทำอะไรกันช่วงนี้
ว่ากันตามเชิง ปกติแล้ว ซีเกมส์ ควรจะจัดหลักแค่ “เมืองเดียว” เท่านั้น ซึ่งจะเป็น “เมืองหลัก” เพื่อให้ได้ “มรดก” จากการแข่งขันให้มากที่สุด
เชียงใหม่ ปี 1995 กับ นครราชสีมา ปี 2007 คือตัวอย่างชัดเจน อย่างที่เขียนไว้แล้วเมื่อฉบับวันอาทิตย์ เพราะการเป็นเจ้าภาพจึงได้มาซึ่ง สนามแข่งขัน และยังใช้กันมาจวบจนถึงวันนี้
เป็นเวลานานถึง 18 ปีที่ประเทศไทย ไม่ได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ หรือ The Southeast Asian Games เกมของชาวอาเซียน
กีฬาซึ่งถือเป็น “รากฐาน” สู่ “ความสำเร็จ” ในอนาคตของวงการกีฬาทั้งภูมิภาค และอนาคตที่อยากจะจัดงานใหญ่ ๆ
ซึ่งเราก็เห็นแล้วว่า การกระจายไปยังหัวเมืองต่าง ๆ คือเครื่องหมายคำถาม เพราะตาม “โรดแมป” ที่เคยปรากฎ อยากจะให้ไปจัดที่ “จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง” อาทิเช่น ชลบุรี เพื่อการควบคุม, ดูแล, ประชาสัมพันธ์ ทุกอย่างทั้งองคาพยพ
หากเราเลือก “กรุงเทพ” ที่แออัด ให้เป็น “ฮัพหลัก” ซึ่งความคิดใคร คนนั้นควรบอกคนต่อ ๆ ไปว่า หนหน้าคิดใหม่ได้แล้ว
ซีเกมส์ กว่าจะวนกลับมาตามสมาชิกก็น่าจะมีอีกเกือบ 20 ปี ดังนั้น จะอย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานี้ “ผีถึงป่าช้า”
ยังไงก็ต้องเผา
ในที่นี้จะสมเกียรติสมศักดิ์ศรีขนาดไหน มันก็ขึ้นอยู่กับทั้งเจ้าภาพ และอาคันตุกะ
หากเจ้าภาพทำตัวดี แต่ผู้มาเยือนทำตัวแย่ก็ไม่ไหว แต่ถ้าเจ้าภาพเหลวไหลไม่เอาอ่าวเอาทะเล คนมาเยือนก็ต้องเบือนหน้าหนี
ที่สุดแล้วการแข่งขันก็ต้อง “เข็น” มันให้ผ่านไป และอยากให้จดจำไว้เป็น “บทเรียนราคาแพง”
เรื่องของการทวงถาม “เงินอัดฉีด” ที่บอกตามตรงว่า “จะให้ขึ้นราคา” ก็คงเป็นไปได้ยาก เมื่อเทียบกับ “ระดับของเกม” ที่ทุกวันนี้ ขนาดผู้ที่ดูแลรับผิดชอบ ยังแยกไม่ออกเลยว่า อันไหนสำคัญ อันไหนมีน้ำหนักมากกว่าจากการแข่งขันตามประเภท ตามลำดับไหล่ ตามยากง่ายของรายการ
บางชนิดกีฬาก็ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย แต่บางกีฬานี่เข็นภูเขาลงครก ยังง่ายกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา
เรื่องของการทวงถาม “เงินเบี้ยเลี้ยง” ที่บอกตามตรงว่า ได้ยินตั้งแต่มาทำงานใหม่ ๆ ตั้งแต่เอเชียนเกมส์ 1998 มาจนถึงครั้งนี้ ก็ยังได้ยินอยู่ ดังนั้นการบริหารงานแบบ “ภาครัฐ” อย่าลืม “ใส่เกียร์ D”
เพราะกี่ปีผ่านไปก็เหมือนจะจ้องแต่ “ใส่เกียร์ R”
ประเด็นฝากไว้มีไม่มาก อีกทั้งบรรดาความผิดพลาด ก็อย่าให้รุ่มร่ามแบบ “ไร้ลีลา” เหมือนหลายเคส ที่หาใช่ “เฟคนิวส์”
มันเป็นข่าวจริงนี่แหล่ะ
แผลสดก็คือมีประเด็นที่น่าสนใจจาก "บิ๊กต้อม" นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาชุดซีเกมส์ หลังจากพิธีการเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสา และประชุมหัวหน้าคณะนักกีฬา
ปัญหายังมีให้แก้ไขกันเป็นพัลวัน มือเป็นระวิง
เรื่องที่พัก , การขนส่ง และ อาหาร เป็นลุงทิ
สิ่งที่ได้รับทราบคือหลายชาติได้แจ้งถึงปัญหาจำนวนมาก แทบจะเริ่มจากบันไดขั้นแรกกันเลย รวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 5 ประเด็น
1.นักกีฬารอรถไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ 5-6 ชั่วโมง
2.เรื่องอาหารกลางวัน ทางเจ้าภาพได้จัดเป็น ลั้นช์ บ๊อก หรือ อาหารกล่อง แต่ได้สั่งแก้ไขเป็น บุฟเฟ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
3.รถรับ-ส่ง นักกีฬาไปซ้อมไม่เพียงพอ ทำให้เสียเวลาในการฝึกซ้อมและวางแผนในแต่ละวัน
4.เรื่องอาหาร ฮาลาล ฟู๊ด(สำหรับนักกีฬาจากประเทศอิสลาม) ได้ขอความร่วมมือให้ทางโรงแรมจัดอาหาร ฮาลาล อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์
5. เรื่องที่พักของนักกีฬา มีการสื่อสารกันอย่างผิดพลาด
หากจะใช้การจัดการแข่งขันครั้งนี้ เพื่อเป็นเส้นทางสู่ “เจ้าภาพยูธโอลิมปิกเกมส์” ที่ชื่อใหญ่กว่า แต่งานจัดมันกระทัดรัดกว่า ศักยภาพเราจัดได้อยู่แล้ว แต่ถ้าหาก ซีเกมส์ คุณยังทำงานกันแบบ “ตกตาชั่ง” อย่างที่ผ่านมา
ก็อย่าเลยครับ
ดังนั้นเวลานี้มาถึงแล้วที่จะพิสูจน์ฝีมือกันแบบ “รายวัน” เพื่อทำให้ทุกอย่างมันจบและสงบลง
ขณะเดียวกัน เราคนไทยอยากให้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะสุขสมอารมณ์หมายอย่างไร ก็ขอให้หนนี้เป็น “พิมพ์เขียว”
นี่คือสิ่งที่คนไทยต้องรับผิดชอบร่วมกัน หาใช่เป็นเรื่องที่ใครจะมาใช้ประโยชน์ส่วนตน เพราะถ้ามีปัญหา โลกไม่ได้เรียกว่า เป็นเรื่องของนายโน่นนางนี่
คำแรกที่เข้าจะว่าได้คือ “ไทยแลนด์”
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี