26 ก.พ.59 นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2558 ว่า มีรายได้จากการขายของทุกกลุ่มธุรกิจในเครืออยู่ที่ 2,026,912 ล้านบาท ลดลง 22.2% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19,936 ล้านบาท ลดลง 66% จากปีที่ผ่านมา ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่จากการที่ ปตท. มีลักษณะการดำเนินงานครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้สามารถรับความเสี่ยงได้สูง ส่งผลให้สถานะทางการเงิน จึงยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งประมาณ 2.39 แสนล้านบาท โดยแผนการดำเนินธุรกิจ 5 ปี (พ.ศ.2559-2663) จะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 แสนล้านบาท โดย 70% จะใช้เป็นงบการลงทุนระยะ 5 ปี เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 จากจังหวัดระยองไปโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ-ใต้ และการขยายคลังเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ แอลเอ็นจี จาก 5 ล้านตัน เป็น 10 ล้านตัน ส่วนอีก 30% ขยายกิจการที่มีแนวโน้มที่ดีในภูมิภาค รวมทั้งลงทุนโครงการที่สามารถเพิ่มมูลค่า เป็นต้น
สำหรับราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีคาดว่าอยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จึงส่งผลให้บริษัทในเครืออย่าง ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำได้รับผลกระทบเล็กน้อยเท่านั้น จึงต้องเร่งปรับแผนการลงทุนและลดค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ อย่างไรก็ดีกิจการภาพรวมของกลุ่ม ปตท. ทั้งหมดยังดำเนินต่อไปดี หากกรณีเลวร้ายที่สุดราคาน้ำมันปรับลดลงมาอยู่ในระดับ 20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทาง ปตท. ก็ได้วางยุทธศาสตร์ 4 ด้านไว้รองรับแล้ว ได้แก่ 1.การให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เป็นจุดแข็ง และออกจากธุรกิจที่เป็นจุดอ่อน 2.ลดค่าใช้จ่าย 3.พิจารณาต่อยอดหรือขยายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำ และ ปตท. มีความเชี่ยวชาญ เพื่อบริหารความเสี่ยงและสร้างมูลค่าเพิ่ม และ 4.ควบรวมกิจการที่ซ้ำซ้อนเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันมากขึ้น
ส่วนกรณีที่ขณะนี้ราคาแอลเอ็นจ ในตลาดโลก ปรับลดลงมาใกล้เคียงกับราคาก๊าซธรรมชาติที่ผลิตในประเทศ ปตท. จึงมีแนวคิดที่จะนำเข้า แอลเอ็นจี มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในประเทศ และนำก๊าซที่ผลิตได้มาเก็บสำรองไว้ แต่การนำเข้า แอลเอ็นจี ยังต้องควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะปกติรัฐบาลจะจัดเก็บค่าภาคหลวงจากการใช้ก๊าซในประเทศ ดังนั้นหากนำเข้าจนเกินระดับที่เหมาะสม จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่อเนื่อง
นายเทวินทร์ กล่าวว่า หากราคาน้ำมันยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง คาดว่าในไตรมาสแรกของปีนี้จะเห็นบริษัทขุดเจาะน้ำมันในชั้นหินดินดาน หรือ เชลล์ออยล์ ในสหรัฐจะปิดกิจการกว่า 100 บริษัท ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตกลับมาสมดุลย์อีกครั้ง
ด้านนายวุฒิกร สติฐิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่จัดหาและตลาดก๊าซธรรมชาติ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่ผู้ผลิตแหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานา สหภาพเมียนม่าร์ ประสบปัญหาที่เครนยกแท่นผลิต ส่งผลให้การหยุดจ่ายก๊าซฯ ล่าช้ากว่าแผนการดำเนินงานนั้น ขณะนี้ ผู้ผลิตสามารถแก้ปัญหาสายสลิงที่ใช้ยกแท่นผลิตเรียบร้อยแล้ว และได้เริ่มกระบวนการหยุดจ่ายก๊าซฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ ยาดานา ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. 2559 ในเวลา 21.40 น. ที่ผ่านมา โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเร่งดำเนินการให้กลับเข้าสู่ระยะเวลาตามแผน เพื่อให้สามารถจ่ายก๊าซฯ เข้าสู่ระบบตามปกติได้ภายในวันจันทร์ที่ 29 ก.พ. 2559 ศกนี้
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด การหยุดจ่ายก๊าซฯ เป็นไปได้ด้วยดี การดำเนินงานตามแผนซ่อมบำรุงคืบหน้าอยู่ที่ 2.5% การจัดหาเชื้อเพลิงสำรองสำหรับโรงไฟฟ้าฝั่งตะวันตกเป็นไปตามแผน โดยมีปริมาณการใช้น้ำมันของ วันที่ 25 ก.พ.59 ประกอบด้วย น้ำมันเตา อยู่ที่ 1.3 ล้านลิตร (สำรองคงเหลือที่ 67.2 ล้านลิตร) และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 0.4 ล้านลิตร (สำรองคงเหลือที่ 56.3 ล้านลิตร) โดย ปตท.ได้เพิ่มการสำรองก๊าซธรรมชาติเหลว และเตรียมพร้อมการเรียกรับก๊าซฯ จากฝั่งตะวันออก เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการเรียกใช้ของลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและสถานีบริการเอ็นจีวีด้วยเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี