ตั้งกองทรัสต์ช่วยเอสเอ็มอี เข้าร่วมลงทุนรับเป็นพี่เลี้ยงวางแผนธุรกิจ

ตั้งกองทรัสต์ช่วยเอสเอ็มอี เข้าร่วมลงทุนรับเป็นพี่เลี้ยงวางแผนธุรกิจ

วันอังคาร ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

กรุงไทย จับมือตลท.และ สวทช.จัดตั้งกองทรัสต์ร่วมลงทุนเอสเอ็มอี วงเงิน 2,300 ล้านบาท เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และ Startup เข้าถึงแหล่งเงินทุน พร้อมรับเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน การลงทุน ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมลงนามกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกันตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)วงเงินรวม 2,300 ล้านบาท ในรูปแบบกองทุนร่วมลงทุนในกิจการ (SMEs Private Equity Trust Fund) โดยธนาคารกรุงไทยสนับสนุนวงเงิน 2,000 ล้านบาท ตลท.วงเงิน 200 ล้านบาท และ สวทช. วงเงิน 100 ล้านบาทซึ่งผู้ประกอบการจะได้รับเงินทุนสนับสนุนคำปรึกษาด้านการเงิน ความรู้การลงทุน และการบริหารสำหรับกิจการที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลท.


กองทรัสต์มีเป้าหมายร่วมลงทุนกับเอสเอ็มอี ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ เอสเอ็มอี ระยะเริ่มต้น (Startup) ที่มีศักยภาพสูง, เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการเติบโต และใช้เทคโนโลยีเป็นฐานการผลิต หรือบริการ หรือนวัตกรรม รวมทั้งเอสเอ็มอีที่มีประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นซัพพลายเออร์ธุรกิจภาครัฐและภาคเอกชนขนาดใหญ่ ที่สำคัญต้องเป็นสมาชิกของสภาหอการค้าไทย หรือหน่วยงานภาครัฐ

โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย และบลจ.วรรณ ดูแลผลประโยชน์ของกองทรัสต์คาดจะใส่เงินร่วมลงทุนในเอสเอ็ม ประมาณปลายไตรมาส 3 ซึ่งเม็ดเงินที่ลงทุนแต่ละบริษัทจะอยู่ที่ 20-150ล้านบาท และคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน 7 ปีจะให้ผลตอบแทน 100% สำหรับกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพคาดว่าจะเข้าไปร่วมลงทุนเช่นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ภาคบริการ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเป็นต้น

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลท. กล่าวว่า เอสเอ็มอีเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต หรืออาจเป็นธุรกิจที่มีส่วนสนับสนุน หรือเป็นซัพพลายเชนให้กับบริษัทจดทะเบียน ดังนั้นจึงต้องสร้างความแข็งแกร่งให้เอสเอ็มอี ด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ ผ่านการร่วมลงทุนในกองทรัสต์ในรูปแบบกองทุนร่วมลงทุน ซึ่งตลท.จะร่วมลงทุนกับกองทรัสต์ที่ตั้งขึ้น 200 ล้านบาท อนาคตจะนำเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพเหล่านี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้ประกอบการเป้าหมายเบื้องต้นจะต้องเป็นกิจการที่มีศักยภาพสูงและเป็นซูเปอร์สตาร์ ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นฐานการผลิตหรือบริการ และมีผลประกอบการย้อนหลังอย่างน้อย 2-3 ปี นอกจากนี้จะพิจารณาถึงทีมบริหาร กลยุทธ์การตลาด การต่อยอดในเชิงพาณิชย์ ฯลฯ ซึ่งการสนับสนุนวิสาหกิจเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการ และสร้างมูลเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่ประเทศได้ในระยะยาวอีกด้วย

นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นหน่วยงานด้านการวิจัยและพัฒนา
ที่พร้อมจะนำนวัตกรรมจากการวิจัยและพัฒนามาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งการร่วมจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกันนี้ สวทช. มีนโยบายมุ่งเน้นที่จะใช้เทคโนโลยีฐานในการผลิตและบริการ

นอกจากนี้สวทช. ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่พร้อมจะให้คำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจและนำเทคโนโลยีไปใช้อีกด้วย การใช้เทคโนโลยีสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีนี้จะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและเติบโตอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด นอกเหนือจากการร่วมลงทุนสวทช. ยังมีมาตรการอื่นๆ สนับสนุนผู้ประกอบการในด้านเทคโนโลยี เช่น การรับรองโครงการวิจัยและพัฒนา การรับรองธุรกิจเทคโนโลยี เพื่อยกเว้นภาษีเงินได้ เป็นต้น

ขณะเดียวกันตามที่ครม.ได้อนุมัติโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) สำหรับเอสเอ็มอีในลักษณะสินเชื่อระยะยาว เพื่อใช้ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ในรูปแบบการซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ก่อสร้างอาคารถาวรสำหรับตั้งเครื่องจักรใหม่ ต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายหรือทำให้ดีขึ้น สำหรับทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อใหม่ ภายใต้เงื่อนไขไม่ให้รีไฟแนนซ์หนี้เดิม แต่ไม่นับรวมการซื้อที่ดินและก่อสร้างที่อยู่อาศัย โดยมีวงเงินรวมทั้งโครงการ 30,000 ล้านบาทนั้น

ล่าสุดนายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้จัดเตรียมวงเงินสินเชื่อเพื่อรองรับโครงการนี้ 10,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำเพียง 4% ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 7 ปี และเพื่อลดภาระการผ่อนชำระคืนเงินต้นให้ลูกค้าในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวในปีนี้ ธนาคารจึงเสนอระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 12 เดือน ให้กับลูกค้าทุกรายที่เข้าร่วมโครงการ เริ่มผ่อนชำระคืนเงินต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เป็นต้นไป ยื่นขอสินเชื่อได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 หรือจนกว่าวงเงินจะถูกจัดสรรหมด

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top