วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ทันทีหลังจากที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน แถลงโฉมหน้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กรธ.พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วปรากฏว่า บรรดานักลากตั้งและนักวิชาการต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีร่างรัฐธรรมนูญกันขนานใหญ่ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่จากการสำรวจของสวนดุสิตโพลยังไม่แน่ใจว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงหรือไม่
ขบวนการระบอบทักษิณทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงดาหน้าออกมาดับเครื่องชนประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแบบหัวชนฝาตั้งแต่ร่างยังพิจารณาไม่เสร็จด้วยซ้ำโดยเฉพาะท่าทีจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการคนเสื้อแดง นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมต.พรรคเพื่อไทย ซึ่งการเคลื่อนไหวของขบวนการระบอบทักษิณถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีเป้าหมายแอบแฝงโดยด้านหนึ่งเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญให้จงได้เพื่อล้มการปฏิรูปประเทศ ขณะที่อีกด้านหนึ่งถูกวิเคราะห์ว่าเครือข่ายระบอบทักษิณวางแผนคิดที่จะอาศัยความขัดแย้งกรณีรัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขจุดชนวนนำไปสู่วิกฤติความรุนแรงครั้งใหญ่
ความจริงแล้วการที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าร่างรัฐธรรมนูญที่เผยโฉมออกมาเป็นเพียงต้นแบบซึ่งยังจะต้องผ่านการแก้ไขปรับปรุงหลังจากที่รับฟังความเห็นจากประชาชนทั่วทุกภาคของประเทศในช่วงเวลา 2 เดือนจากนี้ไป ซึ่ง นายมีชัย ก็แถลงชัดเจนว่า กรธ.พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อนำมาแก้ไขปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญหากเป็นความเห็นที่เกิดประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง ยกเว้นความเห็นที่ไม่มีสาระหรือมีเบื้องหลังแอบแฝงทางการเมือง
ทั้งนี้หากมองกลุ่มที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะพบว่ามีหลายกลุ่มทั้งกลุ่มที่วิพากษ์วิจารณ์แบบติเพื่อก่อเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นประโยชน์ต่อการทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความสมบูรณ์มากขึ้นและมีข้อบกพร่องน้อยที่สุด กับนักลากตั้งบางพรรค โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตัวเองโดยอ้างประชาธิปไตยจอมปลอมบังหน้า และตั้งธงประกาศจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ยังไม่ทันยกร่าง เพราะมีวาระซ่อนเร้นคือมุ่งล้มรัฐธรรมนูญฉบับนี้ซึ่งมีสาระสำคัญใช้ยาแรงในการปฏิรูปประเทศเพื่อขจัดธุรกิจการเมืองโกงชาติปล้นแผ่นดินที่เป็นเชื้อร้ายและเป็นต้นเหตุวิกฤติบ่อนทำลายชาติตลอดช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา รวมทั้งแผนจุดชนวนให้เกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดการลุกฮือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐ
จากผลสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศของสวนดุสิตโพลต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในประเด็นที่ว่าจะไปลงประชามติหรือไม่สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 41.42 จะไปใช้สิทธิ์ลงประชามติ รองลงมาร้อยละ 37.67 ขอดูก่อน และร้อยละ 20.91 จะไม่ไปใช้สิทธิ์
ส่วนประเด็นที่ว่าจะรับร่างหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจะพิจารณาจากอะไร ร้อยละ 83.11 ตอบว่าฟังจากกระแสสังคมและเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน รองลงมาร้อยละ 79.52 พิจารณาจากเนื้อหารัฐธรรมนูญที่ครอบคลุม ชัดเจน เข้าใจง่าย เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย มีความเป็นธรรม และร้อยละ 77.43 พิจารณาจากประโยชน์ที่จะเกิดต่อประเทศชาติและประชาชน
ที่สำคัญที่สุดเมื่อถามว่าจะรับร่างหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติ ปรากฏว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 60.92 ไม่แน่ใจ รองลงมาร้อยละ 22.62 จะรับร่าง โดยร้อยละ 16.46 คิดว่าจะไม่รับร่าง
ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังสับสนและขาดความเข้าใจในสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญและส่วนใหญ่ยังลังเลที่จะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไปซึ่งเป็นห้วงเวลาสำคัญที่ กรธ.จะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความชอบธรรมการยอมรับในร่างรัฐธรรมนูญก่อนการลงประชามติ โดยจะต้องโหมเผยแพร่สื่อสารประชาสัมพันธ์และสรุปสาระหัวใจของร่างรัฐธรรมนูญในแบบฉบับที่สั้นและเข้าใจง่ายที่สุดเพื่อรณรงค์ชี้แจงเผยแพร่ตามสื่อทุกประเภท ขณะเดียวกันต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปใช้ยาแรงปราบโกงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันต้องแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญในบางประเด็นเพื่อสร้างการยอมรับในวงกว้าง เพราะมิฉะนั้นแล้วภารกิจสำคัญที่จะปฏิรูปชาติบ้านเมืองให้พ้นจากวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายอาจเสียของและเปิดโอกาสให้ระบอบธุรกิจการเมืองเผด็จการในคราบประชาธิปไตยอันชั่วร้ายกลับมาหลอกหลอนทำร้ายชาติบ้านเมืองอีก
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี