สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทอดพระเนตรนิทรรศการ
ด้วย พ.ศ.๒๕๖๐ ที่ผ่านมานี้เป็นปีสำคัญอันสืบเนื่องมาจากเป็นปีที่ครบรอบ ๑๓๐ ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น จึงทำให้ทั้งสองประเทศร่วมมือกันจัดนิทรรศการพิเศษ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้ร่วมกันกับสำนักกิจการวัฒนธรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โตเกียว-คิวชู และเจแปนฟาวน์เดชั่น แลกเปลี่ยนโบราณวัตถุและศิลปวัตถุเพื่อจัดแสดงซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะชิ้นงานจากญี่ปุ่นนั้น ได้จัดนิทรรศการพิเศษเรื่อง“วิถีแห่งศรัทธาจากศิลปทัศน์ญี่ปุ่น” (The History ofJapanese Art : Life and Faith) ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมานพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๐-๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
จากหลักฐานการบันทึกในเอกสารประวัติศาสตร์นั้นพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นนั้น มีมายาวนานมากกว่า ๖๐๐ ปีแล้ว แม้จะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวพันในด้านความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักในสมัยอยุธยามาแล้วก็ตาม บทบาทอื่นในด้านเศรษฐกิจการค้า การเมือง ทางสังคม ตลอดจนการช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอดตามยุคสมัยนั้นทำให้ทั้งสองประเทศมีเรื่องราวเกี่ยวกันหลายเรื่องในอดีต เช่นเส้นทางการค้า เครื่องเคลือบ ออกญาเสนาภิมุข (ยามาด้า)กองอาสาญี่ปุ่น การส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและโรงทอไหม สงครามมหาเอเชียบูรพา การสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ อีกทั้งยังมีนวนิยายผ่านเรื่อง ระย้า,คู่กรรม, บุญผ่อง เป็นต้น จนรู้จักพระเอกโกโบริ และนายบุญผ่องกันทั่วไป
ครั้งหลังสุดทั้งสองประเทศนั้นได้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการโดยการลงนามในปฏิญญาทางไมตรี และการพาณิชย์ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๓๐ นั้นทำให้ทั้งสองประเทศได้เริ่มความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นได้พัฒนาก้าวหน้าขึ้นอย่างมากทำให้ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีจำนวนบริษัทเอกชนของญี่ปุ่นเข้ามาตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีชาวญี่ปุ่นพำนักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแห่งหนึ่งในโลก จนชาวญี่ปุ่นต่างมีความรู้สึกใกล้ชิดกับไทยเป็นอย่างดี
การเสด็จฯทรงเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกันหลายครั้งระหว่างพระราชวงศ์ไทยกับพระราชวงศ์ญี่ปุ่นนั้นได้แสดงถึงสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นยาวนานของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการเสด็จฯของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯทรงเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖ นั้น ได้ยิ่งทำให้สองประเทศมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นมากขึ้นซึ่งในปีต่อมานั้นสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ เมื่อยังดำรงพระราชอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารเจ้าชายอากิฮิโต และเจ้าหญิงมิชิโกะ นั้นได้เสด็จฯทรงเยือนประเทศไทย ในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโต ทำให้ความร่วมมือของทั้งสองประเทศนั้นมีบทบาทต่างๆ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทยได้มุ่งกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือกับญี่ปุ่นให้พัฒนาไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ (Strategic and Economic Partnership)เป็นอย่างดี การเยือนสำคัญทั้งระดับพระราชวงศ์และผู้นำประเทศได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและประเทศไทยจนต่างมีความน่าเชื่อถือและมีความสนิทสนมอย่างมาก ทำให้ชาวไทยชาวญี่ปุ่นนิยมเดินทางท่องเที่ยวต่อกันมากที่สุด ทำให้ต่างได้เรียนรู้และเข้าใจศิลปวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ผ่านชิ้นงานสำคัญจากญี่ปุ่นที่นำมาแสดง โดยไม่ต้องเดินทางไปชมที่นั่น เป็นการเปิดโลกการเรียนรู้ด้านทัศนศิลป์ และได้ติดตามความสัมพันธ์อันยาวนานผ่านงานศิลปกรรมชิ้นเอกของแต่ละประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นภูมิการเรียนรู้เกิดขึ้นกับทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งยังส่งเสริมความเข้าใจจากมิติวัฒนธรรมให้ต่อยอดความรู้เดิมมากขึ้นด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี