การทำการเกษตรของไทย แต่เดิมเป็นการเพาะปลูกที่อาศัยธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า การปลูกพืชตามฤดูกาล ซึ่งผลผลิตที่ได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าสภาพดินฟ้าอากาศจะเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกเพียงใด จากนั้นก็เริ่มมีการนำเอาสารเคมีเข้ามาใช้ในการเพาะปลูกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเกษตรกรสมัยนั้นเห็นว่าผลผลิตที่ได้เป็นที่น่าพอใจอีกทั้งยังสามารถให้ผลผลิตได้ทั้งปี จึงนำมาสู่การใช้สารเคมีร่วมกับการปลูกพืชเรื่อยมา จนกระทั่งมีการตรวจพบว่า มีผลผลิตทางการเกษตรบางชนิดมีสารตกค้างและเกษตรกรบางรายมีสุขภาพที่แย่ลงซึ่งเป็นผลมาจากการใช้สารเคมีอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุผลให้หลายฝ่ายออกมาร่วมรณรงค์ให้มีการปลูกพืชที่ไม่ใช้สารเคมีประกอบกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เริ่มหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น และเน้นการบริโภคอาหารที่ได้จากการปลูกพืชระบบอินทรีย์
โดยในเรื่องนี้ นายสุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า นโยบายการทำการเกษตรอินทรีย์เป็นสิ่งที่เหมาะกับภาคการเกษตรของไทยเนื่องจากอาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักที่มีมาแต่โบราณประกอบกับในปัจจุบันที่ประเทศไทยตั้งเป้าหมายจะเป็นครัวของโลก จึงต้องมีการใส่ใจด้านการผลิตอาหารที่เน้นถึงความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น จึงได้ดำเนินการจัดทำโครงการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ และหนึ่งโครงการที่สำคัญคือ “การปลูกข้าวระบบอินทรีย์” ซึ่งเป็นระบบการปลูกข้าวที่มีประโยชน์ในหลายด้าน ไม่ส่งผลเสียต่อดินและสภาพแวดล้อม ทำให้ลดต้นทุนการผลิตและมีความปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง การปลูกข้าวระบบอินทรีย์ เป็นระบบการผลิตข้าวที่ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด เช่น ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโต สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ การผลิตข้าวอินทรีย์นอกจากจะทำให้ได้ผลผลิตข้าวที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยจากสารพิษแล้ว ยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและเป็นการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืนอีกด้วย
นายสาคร ทองปาน หมอดินอาสาประจำหมู่บ้านหว้าใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การปลูกข้าวแต่ก่อนนั้นจะใช้สารเคมีเกือบทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มเพาะไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ซึ่งผลผลิตที่ได้ออกมานั้นก็ดีในระดับหนึ่งแต่ก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพตนเองที่เริ่มแย่ลง เนื่องจากสารเคมีตกค้างในร่างกายและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จึงศึกษาการทำการเกษตรแบบอินทรีย์ในเรื่องของปลูกข้าวระบบอินทรีย์ที่กรมพัฒนาที่ดินได้เข้ามาให้ความรู้ในพื้นที่ รวมทั้งแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพของกรมฯร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น สารเร่งซุปเปอร์ พด.1, สารเร่งซุปเปอร์ พด.2 จุลินทรีย์สำหรับพืชปรับปรุงบำรุงดิน พด.11 เป็นต้น จากนั้นจึงได้ทดลองปลูกข้าวระบบอินทรีย์ โดยผลที่ได้ออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก คือสามารถลดต้นทุน การผลิตได้จริงอีกทั้งยังส่งผลถึงสุขภาพที่รู้สึกดีขึ้นด้วย
การผลิตข้าวระบบอินทรีย์มีขั้นตอนการปฏิบัติเช่นเดียวกับการผลิตข้าว โดยทั่วไปแต่จะแตกต่างกันตรงที่ต้องหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ในทุกขั้นตอนการผลิต โดยเริ่มตั้งแต่การเลือกพื้นที่ปลูก ควรจะเลือกพื้นที่ที่ไม่เคยมีการใช้สารเคมีมาก่อน ไม่ควรเลือกพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน มีแหล่งน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก ควรเลือกพันธุ์ข้าวที่ทนต่อโรคและแมลง อีกทั้งสามารถให้ผลผลิตสูง แม้ในสภาพดินที่มีความอุดมสมบรูณ์ค่อนข้างต่ำ วิธีการปลูกข้าวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการผลิตข้าวอินทรีย์ คือ การปลูกข้าวแบบปักดำ เพราะการเตรียมดิน ทำเทือก การรักษาระดับน้ำขังในนาจะช่วยควบคุมวัชพืชได้ และการปลูกข้าวลงดินจะช่วยให้ข้าวสามารถแข่งขันกับวัชพืชได้ ส่วนการดูแลรักษาความอุดมสมบรูณ์ของดิน ควรมีการดูแลอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่เผาตอซัง ฟางข้าวและเศษวัสดุอินทรีย์ในแปลงนาเพราะเป็นการทำลายอินทรียวัตถุและจุลินทรีย์ในดิน เพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดินโดยการปลูกพืชตระกูลถั่วในที่ว่างในพื้นที่นา ตามความเหมาะสม และถ้าจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยก็ให้หลีกเลี่ยงปุ๋ยเคมี แต่ให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากธรรมชาติแทน เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด เป็นต้น
นอกจากนี้การปลูกข้าวอินทรีย์นั้น ควรปลูกเพียงปีละครั้ง โดยเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมกับข้าวแต่ละพันธุ์ และปลูกพืชหมุนเวียนโดยเฉพาะพืชตระกูลถั่วก่อนและหลังการปลูกข้าว เพื่อเป็นการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ ของดิน ทำให้การปลูกในปีต่อไป มีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น จะเห็นได้ว่าการผลิตข้าวอินทรีย์เป็นระบบการผลิตข้าวที่ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด แต่หันมาใช้ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยพืชสด และการไถกลบ ตอซังแทนซึ่งสามารถลดต้นทุนและปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง
สุรเดช เตียวตระกูล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี