12 พ.ค.59 นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร (กวก.) เปิดเผยว่า กรณีที่หลายฝ่ายมีข้อกังวลถึงผลกระทบจากการที่ไทยจะเข้าสู่ภาคีสมาชิกอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หรืออนุสัญญายูพอฟ 1991 (UPOV 1991) ภายใต้เงื่อนไขความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans - Pacific Partnership Agreement: TPP) ซึ่งตนเห็นว่าไทยจะได้รับผลทั้งทางลบและทางบวกจากการเข้าเป็นสมาชิก TPP
ทั้งนี้ สิ่งจำเป็นต้องเร่งเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกรรายย่อย รวมถึงภาคการผลิต โดยภาครัฐเร่งส่งเสริมยกระดับเกษตรกรจากผู้รับจ้างผลิตเป็นเจ้าของเมล็ดพันธุ์ และปรับปรุงพันธุ์พืชเป็นเมล็ดพันธุ์ใหม่มีคุณภาพสูง และมีลักษณะที่ดีสามารถสร้างรายได้ให้สูงขึ้นพึ่งพาตนเองได้ เพื่อเตรียมรับปัญหาราคาเมล็ดพันธุ์ที่อาจปรับตัวสูงขึ้น และภาครัฐต้องนำพันธุ์พืชใหม่ที่ปรับปรุงพันธุ์ได้เข้าสู่ระบบจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ทั้งหมด รวมทั้งต้องเพิ่มศักยภาพหน่วยงานกำกับดูแลกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช ทั้งบุคลากรและเทคโนโลยีการตรวจสอบพันธุ์พืช ให้ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับหรือสูงกว่าประเทศคู่แข่งทางการค้าด้วย
"เนื่องจากอนุสัญญา UPOV 1991 ให้การคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่หรือให้สิทธินักปรับปรุงพันธุ์ในระดับที่สูงกว่ากฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชของไทย ซึ่งประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งปรับปรุง 10 ประเด็นหลัก ในพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามอนุสัญญา UPOV และเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าเป็นสมาชิก TPP ในอนาคตหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยมีหลายประเด็นที่ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว เช่น ชนิดพืชที่จะได้รับการคุ้มครอง ความใหม่ (Novelty) ของพันธุ์พืชที่ขอจดคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ การให้ความคุ้มครองสิทธิของนักปรับปรุงพันธุ์ชั่วคราว อายุการคุ้มครองสิทธินักปรับปรุงพันธุ์ และข้อกำหนดเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ หากเป็นนโยบายสำคัญของภาครัฐ และประเมินแล้วว่าประเทศได้ประโยชน์มากกว่าเสียประโยชน์ หรือภาคส่วนใดที่ได้รับผลกระทบในทางลบ ต้องมีมาตรการปกป้องคุ้มครองและเยียวยาในระดับที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ประเด็นผลกระทบสามารถหาทางออกที่เหมาะสมได้หากทุกฝ่ายตั้งมั่นในผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก" นายสมชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความตกลง TPP ปัจจุบันมีสมาชิก 12 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม มีประชากรรวมกว่า 800 ล้านคน โดยความตกลง TPP ถือเป็นความตกลงระดับภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ครอบคลุมการค้าโลกประมาณร้อยละ 40 ด้วยมูลค่าการค้าเฉลี่ยประมาณ 295,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยจีดีพี (GDP) รวมของทั้ง 12 ประเทศ มีมูลค่า 28.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 38 ของ GDP โลก ซึ่งปี 2558 ที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก TPP อยู่ที่ 163,911 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปยังตลาด TPP มูลค่า 83,317 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 41.2 ของการส่งออกไทยไปตลาดโลก ขณะที่ไทยมีการนำเข้าจากประเทศสมาชิก TPP มูลค่า 75,593 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 37.3 ของการนำเข้าจากตลาดโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี