34จังหวัดระวัง ‘ราอี’ขึ้นฝั่งเข้าถล่มไทย  เตือนทั้งฝนหนัก-ดินถล่ม

34จังหวัดระวัง ‘ราอี’ขึ้นฝั่งเข้าถล่มไทย เตือนทั้งฝนหนัก-ดินถล่ม

วันพุธ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

34จังหวัดระวัง

‘ราอี’ขึ้นฝั่งเข้าถล่มไทย

เตือนทั้งฝนหนัก-ดินถล่ม

‘รอยล’ย้ำมีจ่อคิวอีก5ลูก

จับตาสิ้นก.ย.อาจน้ำท่วม

กรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานต่างๆประกาศเตือนหลายพื้นที่ในประเทศไทยโดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ให้เตรียมพร้อมรับมือกับพายุฝน หลังจากพายุ “ราอี” (Rai) ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว

โดยเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 13 กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศคำเตือนฉบับที่ 14 ระบุว่า พายุโซนร้อนราอีได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้วบริเวณประเทศลาวตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากทางตะวันออกของ จ.อุบลราชธานี ประมาณ 50 ก.ม. มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กม./ชม. และเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยที่ จ.มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เวลา 17.00 น. วันเดียวกันนี้ ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ และเคลื่อนเข้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบนตามลำดับต่อไป


โดยลักษณะเช่นนี้ จะส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงใน 34 จังหวัด ประกอบด้วย สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ยโสธร สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สระบุรี ลพบุรี ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย

ด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ได้ประสาน28 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม โดยให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมง

ขณะที่ นายรอยล จิตรดอน ผ.อ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์กรมหาชน) ได้ออกมาเตือนว่า นอกจากพายุราอีที่จะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักทั่วทุกภาคของประเทศไทยแล้ว ประเทศไทยยังจะได้รับอิทธิพลจากพายุอีก 2 ลูก และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงอีก 4-5 ลูก วิ่งมาสมทบ จึงขอให้เตรียมรับมือเฝ้าระวังน้ำท่วมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนต่อต้นเดือนตุลาคม โดยสถานการณ์ฝนจะคล้ายกับปี 2541 ที่มีฤดูฝนยาวไปถึงเดือนพฤศจิกายนเข้าสู่ภาวะลานีญา แต่ส่งผลดีต่อการเก็บน้ำของเขื่อนภูมิพล

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากอิทธิพลของลมพายุราอีที่เกิดข้น ได้ส่งผลให้ จ.บุรีรัมย์ เกิดฝนตกหนักและน้ำป่าที่สะสมอยู่บนเขาได้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ในพื้นที่ อ.ปะคำ อย่างฉับพลัน โดยเฉพาะบ้านกองพระทราย หมู่4 ต.ปะคำและหมู่16 ต.หูทำนบ ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนสูง 50-60 ซ.ม.กว่า 40 หลังคาเรือน รวมทั้งนาข้าวที่กำลังออกรวงอีกกว่าร้อยไร่

เช่นเดียวกับในพื้นที่ อ.เขมราฐ อ.นาตาล และ อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี มีฝนตกลงหนัก ลมกระโชกแรง ทางราชการได้ประกาศเตือนชาวประมง ห้ามออกเรือหาปลา เรือโดยสาร เรือขนส่งสินค้า ห้ามออกจากฝั่งและให้เฝ้าระวังและติดตามข่าวสภาพอากาศกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างไกล้ชิด อีกทั้ง ระดับน้ำในแม่น้ำโขงได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่ จ.อำนาจเจริญ ก็เกิดฝนตกหนัก ลมแรงต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนเดินทางด้วยความลำบาก เด็กนักเรียนต้องฝ่าสายฝนไปโรงเรียน พระสงฆ์ต้องงดบิณฑบาตร ด้าน นายยิ่งยศ ธระจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ มีหนังสือด่วนถึงนายอำเภอทั้ง 7 อำเภอ สั่งให้เตรียมรับมือช่วยเหลือราษฎรที่ถูกน้ำท่วมอย่างเต็มที่

นายปิยปัญญา ภู่ขวัญเมือง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า เพื่อรับมือและลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากพายุราอี จึงลดการปล่อยน้ำจากวันละ 4.70 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือ3.90 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อห้คลองธรรมชาติ แม่น้ำชี และคลองชลประทานมีพื้นที่รองรับน้ำฝน และน้ำป่า ที่เกิดจากพายุเพิ่มขึ้นและยังป้องกันภาวะน้ำล้นตลิ่งและท่วมฉับพลันได้

นายฏรงค์กร สมตน ผู้อำนวยการ(ผอ.)สำนักงานชลประทานที่12จ.ชัยนาท เผยว่าขณะนี้ได้เพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาจากเดิมในอัตรา567ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเป็น630ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับมวลน้ำ ผลกระทบพายุดีเปรสชั่นที่พัดเข้าช่วงวันที่13-15 กันยายนเพื่อไม่ให้พื้นที่เหนือเขื่อนเกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้น ขอให้ประชาชนอาศัยอยู่ริมพื้นที่ท้ายเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ลงไปจนถึงกรุงเทพฯจะได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น คาดระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย1 เมตร

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top