เกษตรฯ สร้างมาตรฐาน “แผ่นใยไหม” เพิ่มมูลค่าสินค้า ยกระดับคุณภาพวัตถุดิบป้อนอุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อการส่งออก เพิ่มทางเลือกอาชีพใหม่ พร้อมปรับปรุงมาตรฐานเส้นไหมไทยสาวมือแก้ปัญหาขนาดไม่สม่ำเสมอรับความต้องการตลาด

14 ม.ค.61 นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ไหมไทยและผลิตภัณฑ์ถือเป็นสินค้าเอกลักษณ์ของประเทศที่มีชื่อเสียงและมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ละปีสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 850 ล้านบาท ปัจจุบันการเลี้ยงหนอนไหมได้มีการพัฒนารูปแบบการเลี้ยงที่หลากหลายขึ้น ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ที่นำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะแผ่นใยไหมซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเลี้ยงหนอนไหมโดยให้หนอนไหมพ่นเส้นใยลงบนแผ่นเฟรมแทนการทำรัง มีลักษณะของเส้นใยคล้ายกระดาษสา สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมความงาม

ทั้งการผลิตเป็นแผ่นมาส์คหน้า หรือสกัดสารเซริซิน และโปรตีนไหม นำมาผสมในเครื่องสำอางเพื่อบำรุงผิว รวมถึงสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มหรือเป็นวัสดุตกแต่งบ้านได้ด้วย ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางที่มีคุณลักษณะเฉพาะ โดยผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแผ่นใยไหมกำลังเป็นที่สนใจของตลาดต่างประเทศ ซึ่งความต้องการมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มมากกว่าการผลิตรังไหมหรือเส้นไหม  ถือเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ และเป็นทางเลือกอาชีพใหม่ให้กับเกษตรกรนอกเหนือจากการผลิตไหมหรือเส้นใยไหมในรูปแบบเดิม

อย่างไรก็ตามเพื่อให้การผลิตแผ่นใยไหมของไทยมีมาตรฐานสำหรับใช้เป็นแนวทางการผลิตให้กับเกษตรกร  พร้อมรองรับวัตถุดิบแผ่นใยไหมที่ป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อการส่งออก ซึ่งจะช่วยพัฒนาการผลิตแผ่นใยไหมของไทยอย่างเป็นระบบ และยกระดับรายได้ของเกษตรกรเพิ่มสูงขึ้น มกอช. จึงร่วมกับกรมหม่อนไหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำร่างมาตรฐานสินค้าเกษตรเรื่อง แผ่นใยไหม ขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่างมาตรฐานฯ ดังกล่าวจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงร่างมาตรฐานฯ นี้ให้สมบูรณ์และสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นที่ยอมรับ ก่อนที่จะเสนอให้คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรพิจารณาให้การรับรอง และประกาศใช้เป็นมาตรฐานของประเทศภายในปี 2561

“ขณะเดียวกันมกอช.ยังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต่อแนวทางปรับปรุงมาตรฐานการผลิตเส้นไหมไทยสาวมือ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานเส้นไหมดิบ เล่ม 1: เส้นไหมไทยสาวมือ และมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับการผลิตเส้นไหมดิบ เล่ม 1: เส้นไหมไทยสาวมือ ให้เหมาะสมอยู่ในแนวทางที่เกษตรกรยอมรับ และเกิดประโยชน์จากการปฏิบัติตามมาตรฐานได้อย่างแท้จริง ซึ่งคาดว่า จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องขนาดเส้นไหมที่ไม่สม่ำเสมอ และทำให้การรับรองมาตรฐาน Q สำหรับเส้นไหมไทยสาวมือขยายตัวเพิ่มขึ้น  ช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมพัฒนาระบบการผลิตเข้าสู่ระบบมาตรฐาน และให้ผู้ผลิตเส้นไหมทั้งระดับชาวบ้านและโรงสาวไหมชุมชนใช้เป็นแนวทางผลิตเส้นไหมไทยให้ได้คุณภาพสม่ำเสมอ ตรงตามความต้องการของตลาดและผู้ซื้อมากขึ้น เพื่อนำไปแปรรูปต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เลขาธิการ มกอช. กล่าว