10 ก.พ. 2561 สืบเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีการใช้กลยุทธ์ "ฟ้องปิดปาก" (Strategic Lawsuits Against Public Participation - SLAPPs) หรือการที่หน่วยงานของรัฐรวมถึงบริษัทเอกชนใช้ช่องทางการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายว่าสร้างผลกระทบเป็นอย่างมากต่อการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะผลกระทบในด้านเศรษฐกิจและสภาพจิตใจของผู้ที่เคลื่อนไหวคัดค้านกลุ่มผลประโยชน์หรือเพื่อปกป้องสิทธิชุมชน ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ ยังไม่ได้รับอนุมัติเงินสนับสนุนหลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราวจากกองทุนยุติธรรม โดยกองทุนยุติธรรมมักจะให้เหตุผลว่าผู้ที่ขอรับความช่วยเหลือมีมูลน่าเชื่อว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา หรือเป็นบุคคลที่มีเงินหรือหลักทรัพย์ในการขอปล่อยชั่วคราว จึงสามารถที่จะเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ด้วยตนเอง ซึ่ง กสม. ได้ประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องเรียนลักษณะนี้เมื่อ 31 ม.ค. 2561 และได้ข้อสรุปว่า
เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ต่อคณะกรรมการกองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานศาลยุติธรรม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 247 (3) โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานศาลยุติธรรม
ควรเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาการใช้กระบวนการฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อตอบโต้การทำงานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน หรือที่เรียกว่า “การดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ (Strategic Lawsuits Against Public Participation - SLAPPs)” รวมถึงอาจหารือร่วมกับองค์อื่นๆ โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรีและองค์กรนิติบัญญัติในการผลักดันให้เกิดการแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาการฟ้องคดีโดยไม่สุจริต
หรือการบัญญัติกฎหมายฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาในการป้องกันการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะของประชาชน (Anti – SLAPPs Law) รวมถึงควรดำเนินการแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย พ.ศ. 2559 โดยการยกเลิกข้อความที่ให้อำนาจคณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือคำนึงถึงสาเหตุหรือพฤติการณ์ของผู้ยื่นคำร้องว่าเป็นผู้ที่น่าเชื่อว่ามิได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่
เนื่องจากการกำหนดหลักเกณฑ์ไว้เช่นนี้ถือเป็นการให้อำนาจวินิจฉัยความผิดของผู้ยื่นคำขอรับความช่วยเหลือล่วงหน้าแทนศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และอาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงความช่วยเหลือของประชาชนในการดำเนินคดี ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลที่ปัจจุบัน SLAPPs ในทางอาญา ถูกนำมาใช้ในการฟ้องคดีมากขึ้นทั่วประเทศ รวมถึงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
โดยผู้ประกอบการหรือบริษัทขนาดใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่รัฐในการดำเนินคดีเพื่อยับยั้งการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะ หรือการตรวจสอบรัฐ ถ้าปล่อยให้มีการฟ้องเช่นนี้เกิดขึ้นจำนวนมาก จะทำให้เกิดการสูญเสียคุณค่าที่สำคัญของหลักประชาธิปไตย คือ คุณค่าของการคุ้มครองและการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใสเพื่อประโยชน์สาธารณะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี