“ตำบลโคกสูง” เดิมเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก อยู่ภายใต้การปกครองของ "ตำบลมหาชัย" เมื่อปี พ.ศ.2517 ได้แยกออกมาเป็นตำบล ขึ้นกับอำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม มี 10 หมู่บ้าน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง มีสภาพป่าแล้ง ดินลูกรัง มีลำห้วยไหลผ่านอยู่สองสาย อาชีพหลัก ทำนา ทำสวนและทำไร่ เกษตรกรอาศัยน้ำจากธรรมชาติ หากปีใดฝนแล้งข้าวก็ไม่เจริญเติบโต
ย่างเข้าสู่ฤดูแล้ง ผืนดินส่วนใหญ่ถูกปล่อยว่างเพราะไม่มีน้ำในการเกษตร ภายหลังมีการนำพืชที่ใช้น้ำน้อยอย่าง ข้าวโพด มะเขือเทศ ฯลฯ มาทดลองปลูก แต่ เกษตรกรในขณะนั้นต้องลงทุนเจาะน้ำบาดาล บนที่ดินของตนเองแล้วลากสายไฟยาวหลายร้อยเมตรมายังปั๊มน้ำเพื่อสูบน้ำจากใต้ดินมารดพืชผลทำให้มีภาระค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
โดยจากข้อมูลกระทรวงพลังงาน พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ มีความจำเป็นต้องสูบน้ำจากบ่อบาดาล เพื่อใช้ในการผลิตพืชผลของตน ซึ่งสอดคล้องกับพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีความเข้มข้นของแสงมากในฤดูแล้งเช่นกัน จึงได้เกิดไอเดียจัดโครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์สู้ภัยแล้งขึ้น มอบหมายสำนักงานพลังงานจังหวัดนครพนม ร่วมมือประสานสิบทิศกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงลุยแดดตากฝนเอ็กซเรย์พื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยมีลายแทงจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประกาศเป็นเขตภัยแล้ง รวมทั้งมีหนังสือส่งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมู่บ้านใด ตำบลใด มีความประสงค์จะใช้ระบบสูบน้ำพลังจากแสงอาทิตย์ ต้องจัดทำข้อเสนอขอเข้าโครงการ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีชาวบ้านรวมกลุ่มกันไม่น้อยกว่า 7 ราย และต้องมีพื้นที่ใช้ประโยชน์รวมแล้วไม่น้อยกว่า 15 ไร่ หัวใจสำคัญของโครงการต้องมีบ่อน้ำบาดาลอยู่ก่อน และต้องเขียนแผนบริหารการใช้น้ำรองรับ หลังติดตั้งระบบเรียบร้อยแล้ว
มี อบต.ส่งชื่อเข้าประกวดถึง 26 แห่ง คณะกรรมการนั่งพิจารณากันหัวยุ่ง เพราะทุกแห่งล้วนมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ รักพี่แต่ก็เสียดายน้อง แต่ท้ายสุดผลก็ออกมาตรงกัน กรรมการฟันธงให้ดำเนินโครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ 2 แห่ง เป็นการเบิกฤกษ์ประเดิมชัย ประกอบด้วย 1.บ้านโคกสว่าง ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม และ 2.บ้านม่วง ต.โคกสูง อ.ปลาปาก ส่วนที่เหลือรอรอบหน้าจะนำมาพิจารณาต่อไป
สำหรับบ้านม่วง หมู่ 2 ต.โคกสูง ที่ตั้งของแผงโซล่าเซลล์ อยู่ด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน บนที่ดินของนางทุมมา คำถา เกษตรกรที่ใช้น้ำในช่วงหน้าแล้งจากบ่อบาดาลสูบขึ้นมารดพืชสวน ส่วนฤดูฝนลงนาปลูกข้าว สิ้นหน้านาย่างสู่ฤดูร้อนกับหนาว ก็หันมาปลูกข้าวโพด ถั่วลิสง มันแกว มะเขือเทศ ต้นหอม ผักบุ้ง แตงโม และดอกดาวเรือง
นายสัมฤทธิ์ ชัยฮัง ผู้ใหญ่บ้าน เผยว่ามีลูกบ้านอยู่ในความดูแล 286 หลังคาเรือน จำนวน 1,12 คน มีลำห้วยสีทนไหลผ่านเพียงสายเดียว ไม่มีที่กักเก็บน้ำใช้ในฤดูแล้ง เกษตรกรต้องลงทุนหาน้ำบาดาลกันเอง รู้สึกดีใจเมื่อมีโครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์สู้ภัยแล้ง เพื่อดึงน้ำบาดาลช่วยเกษตรกรผลิตพืชช่วงน้ำน้อย แรกเริ่มมีชาวบ้านเข้ามาเป็นสมาชิก 22 ครอบครัว ซึ่งเหมือนเป็นการชิมลางทดลองการสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบผลสำเร็จ เพราะมีเกษตรกรขอเข้าร่วมใช้ถึงปัจจุบันมีเพิ่มถึง 38 ไร่ เพราะลดต้นทุนการผลิต แต่เพิ่มรายได้ สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ถึงปีละ 20,000 บาท ขณะที่ชาวบ้านที่มีที่อยู่อาศัยใกล้กับแท็งค์น้ำ ยื่นขอใช้น้ำในการอุปโภคบริโภค ตนก็ดำเนินต่อท่อแป๊บเข้าไปให้ โดยเก็บค่าบริการหน่วยละ 1 บาทเท่านั้น ตอนนี้กำลังต่อยอดด้วยการเขียนโครงการ ขอเพิ่มระบบสูบน้ำอีก 1 แห่ง ให้ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถใช้นำได้ทั้งหมู่บ้าน มีคุณมัณฑนา ฟูกุล พลังงานจังหวัดฯ ลงตรวจสอบพื้นที่ด้วยตนเอง โดยไม่ห่วงสวย แดดจะกล้าฝ้าจะขึ้นก็ไม่สน
ด้าน นางสาว มัณฑนา ฟูกุล พลังงานจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่าโครงการดังกล่าวเป็นงบประมาณปี 2559 เป็นระบบสูบน้ำเพื่อการเกษตร ใช้ไฟฟ้า 2 ระบบ คือจากแผงโซล่าเซลล์ และไฟบ้าน ส่วนชุดแผงเซลล์แสงอาทิตย์ มีขนาด 2,500 วัตต์(250 วัตต์x10 แผง) สูบน้ำได้ 20 ลบ.ม./วัน บ่อมีความลึก 42 เมตร ถังเก็บน้ำขนาด 2.5 ลบ.ม. 8 ถัง ทำให้เกษตรกรดึงน้ำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ และมีรายได้เพิ่มจากการปลูกพืชในช่วงหน้าแล้งถึงปีละ 100,000 บาท วันส่งมอบ (27 เม.ย.61) มี นายดำรงค์ สิริวิชย อิ่มวิเศษ รอง ผวจ.ฯ มาเป็นประธานเปิดวาล์วน้ำ เป้าหมายที่คาดไว้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน และผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร การตลาด ในการผลิตพืชคุณภาพป้อนสู่ตลาดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี