กองปราบจ่อหมายจับ6ราย
โกงบิตคอยน์
ยังไม่โยงตลาดหลักทรัพย์
‘บูม’เครียดสอบทั้งคืน
คุมฝากขังศาลผัดแรก
ให้ประกัน-ห้ามไปนอก
กองปราบฯจ่อออกหมายจับเพิ่ม 6 ราย เอี่ยว “บูม” ดาราหนุ่ม ร่วมเครือข่ายหลอกโกงบิตคอยน์ ยันยังไม่เกี่ยวข้องคนในตลาดหลักทรัพย์ พงส.คุมตัวฝากขังผัดแรก เจ้าตัวเครียดถูกสอบทั้งคืน เฮศาลให้ประกันตัว วางหลักทรัพย์ 2 ล้าน ห้ามออกนอกประเทศ “ประสิทธิ์” ดอดเข้ากองปราบฯอ้างตกเป็นเหยื่อ
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร.ต.อ.ศุภชัย ชาติมนตรี รอง สว.สอบสวน กก.1 บก.ป.ได้เบิกตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม อายุ 27 ปี ดารา-นายแบบดัง อยู่บ้านเลขที่ 46/22 หมู่ 8 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตาม หมายจับศาลอาญา ที่ 1694/2561 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 ข้อหา”ร่วมกันฟอกเงิน” เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาโดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้นออกจากห้องคุมขัง เพื่อนำตัวส่งฝากขังผัดแรกยังศาลอาญา หลังตำรวจกองปราบจับกุมนายจิรัชพิสิษฐ์ได้ที่บริเวณชั้น 2 ห้างเมเจอร์รัชโยธินขณะถ่ายทำละครเรื่องใหม่ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน หลังถูกเหยื่อผู้เสียหายชาวต่างชาติเข้าแจ้งความเอาผิดว่าถูกนายบูมและคนในครอบครัวร่วมกันหลอกลงทุนสกุลเงินดิจิตอล หรือ บิตคอยน์ เสียหายกว่า 797 ล้านบาท
โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหารายนี้ ในความผิดฐาน ร่วมกันฟอกเงิน ตามความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (5) , 5 (1) และ (2) และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 ซึ่งตำรวจยังได้ออกหมายจับ นายปริญญา จารวิจิต และน.ส.สุพิชย์ฌา จารวิจิตพี่ชายและพี่สาว ของนายบูม ในข้อหาเดียวกันด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง ช่วงเช้าวันเดียวกันว่ามีกลุ่มเพื่อนสนิทของนายจิรัชพิสิษฐ์ได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจอยู่ ที่บริเวณหน้าห้องควบคุมตัวโดยดารานายแบบดัง มีสีหน้าที่วิตกกังวลพูดกับเพื่อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ตลอดที่พนักงานสอบสวนสอบปากคำหลังควบคุมตัวไว้ตลอดคืน ดาราหนุ่มยังคงให้การปฏิเสธ ยังยืนยันตามคำให้การเดิมว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิด แต่เป็นเรื่องที่พี่ชายเจ้าของบัญชีที่ถูกนำไปใช้กระทำผิด
โดย พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.กล่าวถึงการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ว่าได้กำชับเน้นย้ำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบ หากพบว่ามีข้อมูลเชื่อมโยงถึงใครก็จะพิจารณาขออำนาจศาลออกหมายจับเพิ่มเติมซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวน ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ส่วนของ น.ส.สุพิชย์ฌานั้น เบื้องต้นได้มีการประสานผ่านคนกลางว่าจะขอเข้ามอบตัว แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อมา รวมทั้ง ยังไม่ได้ระบุวัน เวลา สถานที่ นัดหมายในการเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ ขณะนี้ก็ยังไม่พบข้อมูลว่าน.ส.สุพิชย์ฌา ได้หลบหนีออกนอกประทศ
ด้านพ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ยังพบข้อมูลมากพอ ที่เชื่อว่าน่าจะสามารถ ออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้อีก 5-6 คน ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ซึ่งทั้งหมดนี้ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด
ในกรณีที่นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ บุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดหลักทรัพย์ ได้เดินทางมาเข้าพบเมื่อวันที่9 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นการเข้าชี้แจ้งที่เรื่องราวดังกล่าว โดยอ้างว่าได้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้เช่นเดียวกัน แต่จากการสืบสวนรวบรวมหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลที่เชื่อได้ว่านายประสิทธิ์ อาจจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยพนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆให้แน่นหนา
จากการตรวจสอบ3 บริษัท ที่กลุ่มผู้ต้องหาหลอกให้ผู้เสียหายซื้อหุ้นร่วมลงทุน ที่มีการเปิดทั้งในประเทศไทยและที่ฮ่องกง พบว่านายปริญญา ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวจริงและจากการตรวจสอบทะเบียนการค้าทั้ง 3 บริษัท พบว่า มีคนในตระกูล”จารวิจิต”เข้าไปมีส่วนร่วม บางบริษัทที่มีการแอบอ้างกับผู้เสียหายนั้นไม่มีอยู่จริงซึ่งยังมีบริษัทอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอีกหลายบริษัท ซึ่งตำรวจเร่งรวบรวมหลักฐานหาความเชื่อมโยงเพื่อพิจารณาดำเนินคดีต่อไป ในส่วนของนายปริญญาพี่ชายของนายบูมยังพบประวัติว่าเคยถูกศาลออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ในท้องที่ สน.วัดพระยาไกร ด้วย
ต่อมา เวลา 10.45น.พนักงานสอบสวนบก.ป.ได้คุมตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ ไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้อง ขอฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 - 21ส.ค.นี้ หลังจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 8 ส.ค.โดยแจ้งข้อกล่าวหาทราบแล้ว ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานบุคคลเกี่ยวข้องการทำธุรกรรมอีก 10ปากและรอเอกสารทางการเงินของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับรอผล ตรวจสอบประวัติลายพิมพ์นิ้วมือจาก สตช.ซึ่งท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้ มีมูลค่าความเสียหายสูง หากได้รับการประกันตัว ปล่อยชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ญาติ นายจิรัชพิสิษฐ์ ได้ยื่นหลักทรัพย์เงินสด 2ล้านบาท พร้อมคำร้องประกอบการพิจารณาระบุว่าผู้ต้องหาทำงาน เป็นนักแสดง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง รวมทั้งไม่มีพฤติการณ์ จะหลบหนี ขณะถูกจับกุมก็กำลังทำงานถ่ายแบบจึงขอความเมตตาจากศาลให้ปล่อยชั่วคราวด้วย
ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งข้อหาและการกระทำของผู้ต้องหาตามคำร้องชั้นฝากขังแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาไม่มีส่วนร่วมเจรจากับผู้เสียหายให้มาลงทุน อีกทั้งยังจับกุมผู้ต้องหาในทางสาธารณะ โดยไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีในชั้นนี้จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวตีราคาประกัน 2ล้านบาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ด้าน นายวรากรณ์ กุนทีกาญจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเพื่อความชัดเจนและเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน กรณีที่มีข่าวเรื่องคดีทุจริตการลงทุนในเงินสกุลดิจิตัล“ดราก้อน คอยน์”นั้นขอยืนยันว่า บริษัทไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับกรณีดังกล่าว ส่วนที่มีชื่อของนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณซึ่งเคยเป็นอดีตประธานกรรมการบริหาร ของบริษัทฯนั้น ในปัจจุบันบุคคลดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัท โดยนายประสิทธิ์ ไม่ได้เป็นกรรมการ หรือมีอำนาจการบริหาร และไม่ได้เป็นพนักงานของบล.แอพเพิล เวลธ์ แต่ประการใด เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี