25 ต.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศที่ตึกวชิรญาณ สามัคคีพยาบาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ภายหลังสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 24 ตุลาคม เนื่องจากการติดเชื้อในกระแสพระโลหิตนั้น ก็ได้มีพุทธศาสนิกชน ประชาชนทั่วไป ตลอดจนคณะแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลจุฬาฯ และนักศึกษา จำนวนมากได้เดินทางมาสักการะพระศพสมเด็จพระสังฆราชฯ ซึ่งทางโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้เปิดให้ขึ้นกราบพระศพที่บริเวณชั้น 6 ตั้งแต่เวลาประมาณ 07.30 - 10.30 น.ก่อนจะมีพิธีเคลื่อนริ้วกระบวนพระศพไปประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหาร

โดยพุทธศาสนิกชนและประชาชนที่มาสักการะเคารพพระศพ จะได้รับแจกล็อคเก็ตสมเด็จพระสังฆราชฯ และพระรูปฉลอง 100 พระชันษา 2 ใบ เพื่อนำไปสักการะบูชาด้วย

จากนั้นเวลาประมาณ 07.00 น.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้เดินทางมากราบถวายสักการะพระศพสมเด็จพระสังฆราชฯ ก่อนจะเดินทางกลับในเวลาประมาณ 07.30 น.

ด้าน นพ.โสภณ นภาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาฯ กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้เปิดให้พุทธศาสนิกชนและประชาชนมาเคารพพระศพ ได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 07.30 น.จนถึงเวลาใกล้เคลื่อนขบวนพระศพ โดยประชาชนที่มาสักการะพระศพให้แต่งกายชุดดำสุภาพเรียบร้อย

นายฉัตรพร ลำเลียงพล อายุ 60 ปี กล่าวว่า พอทราบข่าวว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ ก็เดินทางมาจากเขตหนองแขม กทม.ตั้งแต่ เวลา 05.30 น.เพื่อมากราบถวายสักการะพระศพ ในฐานะประชาชนคนไทยรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียพระองค์ท่าน ทั้งนี้ ส่วนตัวเคารพและสักการะพระองค์ท่านมาก และเมื่อ 13 ปีก่อน เคยบวชที่วัดบวรนิเวศฯ และสมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ ซึ่งในตอนนั้นพระองค์ท่านยังทรงแข็งแรงมาก

ด้าน นายวรรธนะ ปัญบุตร นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาภาษาไทย ม.ขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพร้อมอาจารย์และเพื่อนนักศึกษา เพื่อมากราบสักกาพระศพ ก็รู้สึกสูญเสียพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เหมือนขาดเสาหลักไป ที่ผ่านมาตนได้นำหลักคำสอนที่ได้อ่านหนังสือพระนิพนธ์ของพระองค์ "ชีวิตนี้น้อยนัก และวิธีสร้างบุญบารมี" ทำให้รู้จักการใช้ชีวิตว่าชีวิตนี้น้อยแต่ชีวิตนี้สำคัญนักจึงทำให้ไม่ประมาท

จากนั้นเวลา 08.45 น.นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมร่วมเตรียมพร้อมการในการเคลื่อนริ้วกระบวนพระศพสมเด็จพระสังฆราชฯ ร่วมกับกรมวังผู้ใหญ่ สำนักพระราชวัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาฯ ว่า ในเวลา 12.15 น.จะเคลื่อนกระบวนพระศพสมเด็จพระสังฆราชฯ จากอาคารวชิรญาณ สามัคคีพยาบาร โรงพยาบาลจุฬาฯ ไปยังพระตำหนักเพชร วัดบวรฯ โดยจะใช้เส้นทางถนนพระราชดำริ เลี้่ยวซ้ายเข้าถนนพระรามสี่ เพื่อขึ้นทางด่วนที่พระรามสี่ แล้วลงทางด่วนยมราช แล้วเข้าถนนหลานหลวง ข้ามสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตรงป้อมมหากาฬ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนพระสุเมร และเทียบขบวนรถที่หน้าวัดบวรฯ ก่อนเวลา 13.00 น.โดยใช้เวลาเคลื่อนริ้วกระบวนพระศพไม่เกิน 20 นาที

จากนั้นจะเชิญพระศพขึ้นประดิษฐานเพื่อให้มหาเถระและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ถวายน้ำศพได้ในเวลาประมาณ 13.00 น.สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถไปถวายน้ำศพพระรูปสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่ประดิษฐานอยู่ที่บริเวณอาคารมนุษยนาควิทยาคาร ภายในวัดบวรฯ ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป

และเวลา 17.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ โปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงสรงน้ำพระศพและวางพวงมาลา

"ในริ้วกระบวนพระศพที่เคลื่อนออกจากโรงพยาบาลจุฬาฯ โดยมี สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศฯ เป็นพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่นำพระศพ และจะมีรถพระประเทียบสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร และจะตามด้วยรถพยาบาลที่ทรงพระศพ ซึ่งในระหว่างริ้วกระบวนพระศพ ประชาชนสามารถถวายสักการะได้ระหว่างเส้นทางที่เคลื่อนไป ส่วนประชาชนในต่างจังหวัดสามารถถวายน้ำศพพระรูปในวัดต่างๆ ทั่วประเทศ"

ติดตามเฟซบุ๊กร่วมเป็นแฟนเพจแนวหน้าออนไลน์ได้ที่
www.facebook.com/naewnaonline