18 ก.ย. 58 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กล่าวถึกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย เสนอให้ร่นระยะเวลาโรดแม็พ คสช. เหลือเป็นสูตร 3-3-3-2 หรือ 3-3-3-3 ก็ได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่ว่าอะไร เพราะพูดไปในเชิงคาดหมายในส่วนของรัฐบาล และบอกไปชัดแล้วว่าเป็นการพูดให้ยาวไว้ก่อน ต่อจากนั้นจะเจรจาลดกันลงมาอย่างไรก็จะทำ
"เมื่อรู้ว่าอำนาจไปอยู่กับใคร ฟุตบอลเข้าเท้าใคร 6 เดือนแรกอยู่ในอำนาจของ กรธ. ก็ต้องเจรจากับ กรธ. 4 เดือนหลังเป็นอำนาจ กกต. ในเรื่องประชามติต้องเจรจากับ กกต. 6 เดือนถัดมาเป็นเรื่องการทำกฎหมายลูก ต้องพูดกับ สนช. และ 4 เดือนสุดท้ายเป็นเรื่องการเตรียมการเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องนี้คงพูดกับใครไม่ได้ เพราะถ้ารัฐธรรมนูญกำหนดให้หาเสียงเลือกตั้ง 3 เดือน ก็ต้องกำหนดเวลาทูลเกล้าฯกฎหมายลูก 6 ฉบับ เพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธย ประมาณ 1 เดือน เพราะฉะนั้น 1 เดือนดังกล่าว คงไปเจรจากับใครไม่ได้
ช้าหรือเร็ว เป็นพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งช่วงสุดท้ายที่นายจาตุรนต์ เสนอให้ลดเหลือ 2 เดือนนั้น ก็เป็นตัวตั้งได้ แต่ 2 เดือนนั้น นายจาตุรนต์ได้รวมเวลาถวายร่างกฎหมายให้ลงพระปรมาภิไธย และลงราชกิจจานุเบกษาด้วยแล้วหรือยัง หากถวายวันนี้ แล้วลงพระปรมาภิไธยพรุ่งนี้อย่างนั้นหรือ หากเป็นอย่างนั้นได้ การหาเสียงเลือกตั้ง ก็คงคิดว่า 2 เดือนเพียงพอ ซึ่งสองเดือนนั้น พอสำหรับพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ที่เขาตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว
สำหรับคนที่จะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ เขาตั้งไม่ทัน เพราะมีประกาศ คสช. ห้ามตั้งพรรคการเมือง ต้องรอกฎหมายพรรคการเมืองฉบับใหม่ออกมาก่อน ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่ามีการกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ที่พิสดารไปกว่าปัจจุบันนี้หรือไม่ และตนเชื่อว่าพิสดารด้วย ดังนั้นเผลอ ๆ พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะต้องไปจดทะเบียนตั้งพรรคใหม่ด้วย และกว่าจะตั้งพรรคเสร็จ กว่าจะหาสมาชิก กว่าจะลงหาเสียง จัดพิมพ์โปสเตอร์ เวลา 2 เดือนก็ไม่ทัน ถึงได้ให้ไว้ 3 เดือนคือตัวอย่างว่าจะลดได้ ไม่ได้ จึงไม่จำเป็นต้องมาต่อปากต่อคำ ต่อล้อต่อเถียง ซึ่งผมก็ไม่เถียงด้วย เพราะในฐานะที่รู้อยู่ว่าทุกอย่างมีขั้นตอน และไม่ใช่ง่าย แต่ก็จะพยายามเจรจากับผู้ที่เกี่ยวข้องว่าขอให้ท่านไปพิจารณาปรับลดเอง แล้วผมจะได้ประกาศระยะเวลาโรดแม็พใหม่ให้”
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าจะเกิดความพิสดารแล้วทำให้พรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ อาจจะต้องจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่นั้นแปลว่าอะไร นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่บอก แต่พูดเผื่อไว้ เพราะกฎหมายพรรคการเมืองจะต้องเขียนตามรัฐธรรมนูญ เรายังไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญจะเขียนอย่างไร อย่างรัฐธรรมนูญฉบับที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโน อดีตประธาน กมธ.ยกร่างฯ ถ้าได้ใช้บังคับ กฎหมายพรรคการเมืองก็ต้องออกใหม่และเป็นคนละเรื่องกับกฎหมายพรรคการเมืองปัจจุบัน
ซึ่งฉบับที่ออกมาใหม่นั้น จะไม่กำหนดหรือ เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะออกมาต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรค ในการกำหนดใด ๆ บางอย่าง เพราะฉะนั้นการที่จะบอกว่าพอประกาศใช้กฎหมายลูกแล้วอีก 7 วันเลือกตั้งกันเลย อย่างที่มีคนพูด นั่นก็คือการเอื้อให้พรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วได้เปรียบ ซึ่งในทางการเมืองจะยอมอย่างนั้นไม่ได้ เพราะต้องเปิดโอกาสให้กับทุกคน ทุกพรรค
ส่วนการที่นายจาตุรนต์ ระบุว่า ให้เลือกตั้งภายใน 45 วันนั้น หากเป็นการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ สามารถทำได้ เลือกตั้งระบบเดิม แต่การเลือกตั้งคราวต่อไปหลังจากที่ประเทศว่างเว้นการเลือกตั้งมาหลายปี และพรรคการเมืองหยุดทำกิจกรรมมานานหลายปี การจะฟื้นกิจกรรมหาเสียงเลือกตั้งก็ต้องอย่าลืมว่านี่คือการตั้งผู้แทนราษฎร การตั้งรัฐบาล ดังนั้นต้องให้โอกาสคนใหม่ที่เขายังไม่เคยได้เข้ามามีโอกาสด้วย
เมื่อถามย้ำว่า หากจะเกิดความพิสดารอย่างนั้น แสดงว่าทุกคนจะต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่หมดเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คงไม่ เพราะบางพรรคมีทุนเดิมอยู่ก็ใช้ได้ มีสมาชิกพรรคอยู่ก็เอามาได้ แต่สำหรับพรรคใหม่ ไม่มีสมาชิกเลยแม้แต่คนเดียว ก็ต้องมาหาสมาชิก เพียงแค่กรอกแบบฟอร์มก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว เพราะฉะนั้น 2 พรรคใหญ่ จะได้เปรียบ แต่จะเอาเปรียบทั้งหมดไม่ได้ จะต้องเปิดโอกาสให้คนอื่นเขาบ้าง เพราะคุณมีต้นทุนอยู่บ้างแล้ว ก็ต้องเผื่อคนที่ไม่มีต้นทุนด้วย แต่จะเอาต้นทุนทั้งหมดมาใช้ 100% คงไม่ได้ ต้องมีอะไรบางอย่างที่ต้องทำเพิ่มเติม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี