14 ธ.ค. 58 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นำโดย ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท.นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสปท.คนที่ 1 และน.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธานสปท.คนที่ 2 จัดบรรยายสรุปการทำงานของสปท.ให้กับผู้ประกอบการวิชาชีพสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินงานของสปท.และเพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นระหว่างสมาชิกสปท. กับสื่อมวลชนเพื่อให้สื่อมวลชนได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปเผยแพร่ให้ประชาชนทราบตามนโยบาย"สื่อสารทั่วไทย สื่อไกลทั่วโลก"
โดย ร.อ.ทินพันธุ์ กล่าวชี้แจงถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานของสปท. ว่าขณะนี้สปท.กำลังก้าวเข้าสู่การทำงานตามโรดแม็พในระยะที่ 3 ช่วงระยะ 18 เดือน ซึ่งเป็นช่วงของการนำส่งการปฏิรูปชุดแรกต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งกรรมาธิการฯ ทั้ง11 คณะได้ทำงานกันอย่างหนักเพื่อเสนอกรอบแนวทางดารปฏิรูปต่อที่ประชุม สปท.ในวันที่ 21-23 ธ.ค. โดยในการประชุมวันที่ 21-22 ธ.ค. ที่ประชุมจะพิจารณาแผนปฏิรูปที่มีความสำคัญเร่งด่วนมากที่สุดเพื่อให้การขับเคลื่อนต่อไปอย่างเป็นรูปธรรม และหากเรื่องใดที่ต้องออกเป็นร่างกฎหมายก็จะส่งในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)พิจารณาและหากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินก็จะส่งให้คณะกรรมาการขับเคลื่อนทั้ง 6 คณะที่มีนายกฯเป็นประธานต่อไป
ด้านนายอลงกรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สปท. ได้วางกรอบการทำงาน 1+1+18 ซึ่งสอดคล้องกับโรดแม๊พของรัฐบาล 6+4+6+4 ที่มีระยะเวลา 20 เดือน โดย 1 ตัวแรก เป็นการร่างข้อกำหนดในการประชุม เลข 1 ตัวที่สองเป็นการกลั่นกรองวาระการปฏิรูป และ 18 ก็คือการดำเนินการปฏิรูป โดยการทำงานจะอยู่บนแนวคิดที่ว่า รวดเร็ว รอบด้าน และมีส่วนร่วม ซึ่งการทำงานของ สปท. จะไม่หาแล้วว่าควรปฏิรูปเรื่องอะไรบ้าง เพราะสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ศึกษาเอาไว้แล้ว ทั้งนี้ทาง สปท. เองก็ได้ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 11 คณะ และคณะกรรมาธิการวิสามัญอีก 2 คณะ ซึ่งเป็นไปตามกรอบ 11 ด้านการปฏิรูปที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ดังนั้นการทำงานของ สปท. จึงมีกรอบแผนและระยะการทำงาน อีกทั้งยังได้มีการตั้ง คณะกรรมการประสานงาน 3 ฝ่าย (วิป 3 ฝ่าย) ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี (ครม.), สนช. และ สปท. ซึ่งมีการประสานงานอยู่ตลอดเวลาด้วย
นายอลงกรณ์กล่าวอีกว่า เป้าหมายของเราคือ ทำให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วใน 20 ปีข้างหน้า โดยประชาชนจะมีรายได้เฉลี่ยคนละ 15,000 เหรียญต่อปี หรืออย่างน้อยๆ GDP ของไทยจะต้องไม่ต่ำกว่า 6% ต่อปี แต่การปฏิรูปที่กมธ.ทั้ง 11 คณะ 11 ด้านดำเนินการอยู่นี้เป็นวาระการพัฒนา ซึ่งไม่อาจเสร็จสิ้นได้ภายใน 1 ปี หรือรัฐบาลเดียว หากจะต้องทำกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่ดีได้ จะต้องมีแผนยุทธศาสตร์ชาติควบคู่ไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี