เจ๊หน่อยร้อนตัวตีปี๊บ
ปัดทุจริตคอม
โวยถูกกลั่นแกล้งให้ร้าย
ชี้งบ900ล.คืนคลังหมด
เตรียมออกหนังสือแฉ
เมื่อวันที่ 23มิถุนายน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย แถลงชี้แจงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชา (ปปช.) จะลงมติชี้มูลความผิดกรณีการยกเลิกโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)โดยมิชอบ สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ว่า ทำการเมืองมา 20 ปี ไม่เคยทุจริต หรือถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ การยกเลิกโครงการเนื่องจากกรมบัญชีกลางและกระทรวงการคลังเห็นว่าบริษัทที่เข้าร่วมประมูลเสนอสินค้าที่มีคุณสมบัติต่ำกว่าที่ทีโออาร์กำหนด ทั้งหน่วยความจำ ความเร็วและระบบไฟสำรองของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของการจัดซื้อ จึงยกเลิกโครงการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อยกเลิกโครงการก็คืนงบทั้งหมด 900ล้านบาท ให้กระทรวงการคลัง ไม่มีการจัดซื้อแม้แต่เครื่องเดียว ไม่ได้ทำให้ราชการเสียหาย
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม หลังเหตุปฏิวัติกลับถูกกล่าวหาจากผู้มีอำนาจขณะนั้นว่า ยกเลิกโครงการดังกล่าวโดยมิชอบ มีการยื่นเรื่องให้ ปปช.ตรวจสอบ ระหว่างนั้นมีบริษัทเอกชนไปยื่นฟ้องตนต่อศาลปกครองกลางว่า ยกเลิกโครงการโดยมิชอบ แต่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อปี2553 ว่า การยกเลิกการประกวดราคาเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของทางราชการ แต่ ปปช.กลับยังพิจารณาคดีต่อไป นอกจากนี้ ระหว่างสู้คดีกับ ปปช.มีกลุ่มพยานบุคคล 3 คน เป็นไปให้การเท็จกับ ปปช.หนึ่งในนั้นเป็นอดีตข้าราชการระดับสูง ทำให้กลุ่มข้าราชการที่ตกเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ร่วมกับตนไปยื่นฟ้องศาลอาญาดำเนินคดีกับพยานเท็จกลุ่มนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม2556 ศาลมีคำตัดสินให้จำคุกอดีตข้าราชการระดับสูงคนนี้ข้อหาให้การเท็จเป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จึงมั่นใจว่า ตลอดเวลา 7ปีที่ต่อสู้คดีมา ไม่ได้ทำผิด
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ ปปช.ระบุว่า ตนเป็นผู้ออกคำสั่งให้ข้าราชการยกเลิกกาประมูลโครงการโดยมิชอบนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้สั่งการใดๆ ช่วงที่ยกเลิกโครงการ ตนถูกย้ายไปอยู่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้วและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องก็ยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นคนสั่งการ และยังมีข้อมูลว่าระหว่างที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อคอมพิวเตอร์นั้น มีรัฐมนตรีขณะนั้นคนหนึ่ง ไปบีบบังคับเรียกข้าราชการเหล่านี้ไปเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ปรักปรำนักการเมืองว่า เป็นผู้สั่งการยกเลิกโครงการ แต่ข้าราชการกลุ่มนี้ไม่ทำตามและยังอัดเทปบันทึกเสียงรัฐมนตรีผู้นี้ไว้ด้วย ซึ่งตนได้ส่งหลักฐานชิ้นนี้ให้ ปปช.ไปพิจารณาแล้ว หากปปช.ตัดสินว่า ตนมีความผิดจะเกิดบรรทัดฐานไม่ถูกต้องว่า ต่อไปนี้บริษัทที่เข้าร่วมประมูลไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามที่ทีโออาร์กำหนดก็ได้ คดีนี้เหมือนตราบาปของตน ที่ผ่านมาเสียความรู้สึกมา 7ปี แม้ ปปช.จะตัดสินออกมาอย่างไร ก็ไม่ทันต่อสิ่งที่สังคมได้รับรู้ไป แต่อยากขอความเป็นธรรมจาก ปปช.หลังจบคดีนี้จะเขียนหนังสือเบื้องหลังคดีร่วมกับหมอในคดีนี้อีก 20คน เพื่อสะท้อนถึงกระบวนการยุติธรรม
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงอนาคตทางการเมืองว่า ได้ตั้งปณิธานว่า ยังไม่ปรารถนากลับเข้ามาทำงานการเมืองเต็มตัว จนกว่าจะทำโครงการบูรณลุมพินีสถานที่ประเทศเนปาล สำเร็จก่อน เพราะสัญญาไว้กับตัวเองว่า จะทำโครงการนี้ให้เสร็จ จากนั้นค่อยมาคิดว่า จะกลับมาทำงานการเมืองต่อหรือไม่ ส่วนที่บอกว่า ตนจะหนีไปเรียนปริญญาเอก ด้านศาสนา หรือบางกระแสถึงกับบอกว่า จะหนีไปบวช เพราะเครียดกับคดีของ ปปช.นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเป็นความตั้งใจของตนมานานแล้วว่า อยากจะเรียนปริญญาเอก ด้านศาสนา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี