“ม็อบยาง”กร้าวระดมพล

ชนรัฐบาล

ดีเดย์3กย.ปิดถนนทั่วปท.

ฮึ่มยกพลอีก1.5หมื่น

บุกล้อมทำเนียบรบ.

แฉภาพตำรวจร้าย

ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า

จี้ผู้ชุมนุมที่ชะอวด

ยังคงมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีเกษตรกรชาวสวนยางนับพันคน เดินทางมารวมตัวกันบนถนนสายเอเชีย 41 บริเวณสี่แยกควนหนองหงส์ หมู่ 2 ต.ควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช พร้อมทั้งปิดเส้นทางการจราจร เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ ซ้ำร้ายยังถูกกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่ว่า เป็นกลุ่มหน้ากากขาวและกลุ่มการเมืองที่ต้องการสร้างสถานการณ์เคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มรัฐบาล กระทั่งมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจลบุกเข้าสลายการชุมนุม และมีการทุบตีจนทำให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

ม็อบสวนยางปักหลักปิดถนนสู้

โดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมว่า กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักอยู่บนถนนสายเอเชีย 41 ต่อไป โดยมีการนำสิ่งกีดขวางมาวางบนถนนเพื่อไม่ให้รถผ่านไปได้ ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงปักหลักคุมเชิงอยู่รอบๆกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อรอรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง ส่วนเกษตรกรผู้ได้รับบาดเจ็บจากการใช้กำลังบุกเข้าสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมนั้น ภายหลังจากเข้ารับการรักษาพยาบาลเบื้องต้นที่โรงพยาบาลชะอวดแล้ว ก็ต่างพากันกลับมาปักหลักชุมนุมต่อไป

ชาวสวนยางใต้สุดทนส่งกำลังเสริม

ขณะที่ในช่วงบ่ายปรากฏว่า มีเกษตรกรชาวสวนยางจากพื้นที่จังหวัดข้างเคียง อาทิ พัทลุง สุราษฎร์ธานี ชุมพร และสตูล ทยอยเดินทางมาสมทบอีกไม่ต่ำกว่า 1 พันคน โดยมีการตั้งเวทีปราศรัยและกางเต้นท์เพิ่มอีกนับ 10 หลังบนถนนและริมถนน พร้อมใช้รถบรรทุก 10 ล้อ มาปิดเส้นทางการจราจรทั้งสองฝั่ง

ติดภาพประจานตำรวจทำร้ายม็อบ

นอกจากนี้ยังได้นำภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะกำลังทำร้ายผู้ประท้วงมาติดเอาไว้ตามจุดต่างๆ โดยมีข้อความประณามการกระทำดังกล่าว  รวมทั้งยังจัดพิมพ์เป็นใบปลิวแจกจ่ายกันอย่างกว้างขวาง พร้อมนำไปโพสต์ในเฟสบุ๊คและเว็บไซด์ยูทูบจนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ สร้างความไม่พอใจให้กับผู้พบเห็นจนเกิดแนวร่วมชาวสวนยางพาราลุกฮือขึ้นประท้วงจำนวนมาก

นัดปิดถนนทั่วประเทศ3กันยา

เวลา 11.30 น. วันเดียวกัน 4 แกนนำกลุ่มเกษตรชาวสวนยางในนามเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวประกาศปิดประเทศในวันที่ 3 กันยายน โดย นายนวรานนท์ อนัณวรณกร แกนนำเกษตรกรชาวสวนยางภาคตะวันออก-ภาคกลาง กล่าวว่า วันที่ 3 กันยายน จะมีการยกระดับเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหายางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำ โดยจะรวมตัวกันปิดประเทศ ด้วยการกระจายปิดถนนสายหลักทุกภาค ซึ่งภาคเหนือจะมีชาวสวนยางประมาณ 5,000 คนปิดถนนที่ จ.อุตรดิตถ์ ภาคอีสานประมาณ 30,000 คน ปิดถนนที่ทางต่างระดับ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ส่วนภาคใต้จะปิดถนนที่สี่แยกสหกรณ์โคออฟ จ.สุราษฎร์ธานี

ยกพลหมื่นห้าบุกทำเนียบฯ

สำหรับภาคกลาง และภาคตะวันออก จะรวมตัวประมาณ 15,000 คน เดินทางมาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล จึงขอร้องรัฐบาลอย่าสกัดการชุมนุม เพราะหากสกัดจุดหนึ่งนั้น ก็จะกระจายกันไปและเหตุการณ์จะบานปลาย รุนแรงกว่าที่เกิดขึ้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช อย่างแน่นอน แต่หากรัฐบาลไม่อยากให้ชุมนุม ก็ต้องเรียกแกนนำเครือข่ายไปเจรจาเพื่อหาทางแก้ปัญหาให้ชาวสวนยาง ก่อนวันที่ 3 กันยายน

จี้เด้งผู้ว่าฯ-ผู้การเมืองคอน

ด้าน นายเพิก เลิศวังพง ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.)   และหัวหน้าพรรคยางพาราไทย   (พยท.) เปิดเผยว่า   จากสถานการณ์ที่กลุ่มชาวสวนยางออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องราคายางที่ตกต่ำที่กำลังประสบกับความเดือดร้อนต่อรัฐบาลที่ จ.นครศรีธรรมราช  เพราะเขามีความเดือดร้อน เขาจึงมาเรียกร้อง   แต่ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีความอดทนไปทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ   การกระทำของเจ้าหน้าที่ถือว่าเกินกว่าเหตุ   เป็นการกระทำที่ชาวสวนยอมรับไม่ได้    ทางกลุ่มเคลื่อนไหว   จึงเรียกร้องให้มีการย้ายผู้ราชการจังหวัด   กับผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช    ออกไปโดยด่วน

ปลุกชาวสวนยางทั่วปท.จับตารัฐ

“ผมเห็นภาพเจ้าหน้าที่รัฐทำร้ายชาวสวนยางแล้วรับไม่ได้ ในตอนแรกรู้สึกไม่มีปัญหา แต่มาตอนนี้ที่เห็นเจ้าหน้าที่ทำร้ายม็อบก็รับไม่ได้ จึงต้องเรียกร้องให้ชาวสวนยางทั่วประเทศเฝ้าติดตามทุกระยะ” นายเพิก กล่าว และว่า เจ้าหน้าที่ต่างทราบดีว่า การเคลื่อนไหวของเกษตรกรครั้งนี้ เป็นเพราะความเดือดร้อนจากราคายางตกต่ำ เคลื่อนไหวด้วยความบริสุทธิ์ แต่ในความบริสุทธิ์กลับมีนักการเมืองบางกลุ่มอาศัยเงื่อนไขตรงนี้ฉกฉวยผลประโยชน์ เพราะต้องการเอากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปบริหารเอง เนื่องจากเกี่ยวผลประโยชน์และงบประมาณมหาศาล เรื่องนี้มันลึกล้ำหลายชั้น ขอให้ชาวสวนยางเฝ้ามองให้ดี มีคนไม่ถูกกัน ระหว่าง นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กับนักการเมืองบางกลุ่ม แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ถือว่า อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องรับผิดชอบร่วมกัน

ตามฟอร์ม!ตำรวจอ้างมีมือที่3

วันเดียวกัน พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบช.ภ.8 ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมว่า ได้สั่งการให้ชุดควบคุมฝูงชนอดทดอดกลั่นให้มากที่สุด เพราะไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง และสั่งการอย่างเด็ดขาดให้หลีกเลี่ยงการปะทะ รวมทั้งปลดอาวุธเจ้าหน้าที่ทุกนาย อย่างไรก็ตามจากการติดตามสถานการณ์ของฝ่ายการข่าวพบว่า มีมือที่ 3 พยายามเข้ามาสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น ด้วยการเตรียมกลุ่มวัยรุ่นชาย 30-40 คน เข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่เพื่อยั่วยุให้ใช้กำลัง จึงเร่งรัดให้ฝ่ายสืบสวนไปควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก่อนจะลงมือก่อเหตุ

สั่งสอบตร.ซ้อมม็อบคากุญแจมือ

ส่วนกรณีภาพเหตุการณ์ที่มีผู้นำไปโพสต์ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นภาพของชายคนหนึ่งกำลังใช้วัตถุทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง โดยด้านข้างมีคนแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เหล็กแหลมทำร้ายร่างกายผู้ชุมนุมซึ่งถูกสวมกุญแจมือ แต่ภาพในเวทีผู้ชุมรุมระบุเป็นการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าทำร้ายผู้ชุมนุมจนเป็นที่วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง ก็ต้องถูกดำเนินคดี

ผู้การเมืองคอนอ้างม็อบเริ่มก่อน

พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้ส่งเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อเปิดเส้นทางการจราจร แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอม รวมทั้งมีการขว้างก้อนหิน ท่อนไม้ ขวดน้ำ สิ่งของต่างๆ ใส่เจ้าหน้าที่ กอรปกับมีกลุ่มวัยรุ่นกระทำการในลักษณะที่ต้องการให้เกิดความรุนแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเพียงโล่และกระบองเป็นอาวุธ มีการผลักดันและปะทะกันซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย ผลจากการปะทะกันมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ จำนวน 46 ราย โดยหนึ่งในจำนวนผู้บาดเจ็บคือ พ.ต.อ.อดุลย์  ธนะชัยขันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะต้องเย็บถึง 3 เข็ม และมีรายที่สาหัสคือ ร.ต.ต.กฤษฎา ดวงจันทร์ สังกัด ตชด. 42 ได้รับบาดเจ็บเส้นเลือดขาดรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราช จว.นครศรีธรรมราช

สตช.ตกรางวัลตร.เจ็บ2แสน

พล.ต.ต.ปิยะ  อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบเงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บสาหัสและถูกทำร้ายรวม 210,000 บาท โดยเป็นเงินจากกองทุนสวัสดิการตำรวจ 200,000 บาท เงินตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ 5,000 บาท เงินสมาคมแม่บ้านตำรวจ 5,000 บาท และบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษจำนวนไม่เกิน 2 ขั้น และสำหรับรายที่บาดเจ็บไม่สาหัสมอบ 43,000 บาท เป็นเงินจากกองทุนสวัสดิการตำรวจ 40,000 บาท และ เงินสมาคมแม่บ้านตำรวจ 3,000 บาท

ผู้ว่าฯถอยขอพักรบ-ถอนกำลัง

ขณะที่ นายวิโรจน์  จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จะยังไม่มีการเข้าไปดำเนินการใดๆ กับผู้ชุมนุม โดยเราได้ถอนกำลังตำรวจออกนอกจุดชุมนุมตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 สิงหาคม โดยจะปล่อยให้ผู้ชุมนุมได้ชุมนุมกันอย่างเสรี เพื่อป้องกันการปะทะกัน ตนไม่อยากจะให้เกิดความสูญเสียหรือบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผู้ชุมนุมหรือเจ้าหน้าที่ ส่วนการปะทะกันที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นการสลายม็อบ แต่เราทำตามหน้าที่ ไม่ให้มีการละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นด้วยการปิดถนนได้ การดำเนินการเราก็ดำเนินการอย่างสันติปราศจากอาวุธและพยายามที่จะใช้กฎหมายในการผลักดันผู้ชุมนุมให้ออกพ้นบนถนน

อ้างทุบม็อบเรื่องสุดวิสัย

“ปะทะกันมันเป็นเรื่องสุดวิสัยในสถานการณ์เช่นนั้น แต่ผมและผู้การก็ย้ำกับเจ้าหน้าที่ทุกคนให้ระวังและหลีกเลี่ยงการปะทะ ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่เป็นผู้ถูกกระทำมากกว่า เราถือว่าการทำหน้าที่ของเรานั้นไม่สำเร็จในการผลักดันออกนอกถนน ก็เลยจะปล่อยให้ผู้ชุมนุมดำเนินการอย่างเสรี ส่วนข้อเรียกร้องนั้น รัฐบาลก็รับทราบแล้วตั้งแต่ต้น เพราะผมได้ส่งเรื่องให้กับรัฐบาลแล้ว จึงอยากให้รอฟังว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร” นายวิโรจน์ กล่าว

“ประชา”ยันผิดกม.ต้องเช็คบิล

ด้าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมเร่งรัดการรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว และการจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งจัดให้มีการประชุมขึ้นที่โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า หากมีม็อบเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดใด ขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ และผู้บังคับการตำรวจภูธรของจังหวัดเหล่านั้นดำเนินการ และปรึกษาหารือกันถึงมาตรการในการดำเนินการว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ซึ่งหากเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ เช่น การชุมนุมที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ซึ่งม็อบดังกล่าวเป็นม็อบการเมืองเรียกร้องให้แก้ปัญหาราคายาง

ให้ไม่ได้120บาท/กก.

“เป็นม็อบการเมืองเรียกร้องให้แก้ปัญหาราคายางจาก 70 บาท เป็น 120 บาท ราคาปาล์มจาก 2.70 บาท เป็น 7 บาท รัฐบาลแก้ให้ไม่ได้ เมื่อมีการปะทะกัน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บผมจึงได้สั่งให้มีการถอนกำลังแล้วเพื่อรอดูสถานการณ์ “พล.ต.อ.ประชา ระบุ

เพื่อไทยใส่ไฟเอี่ยวการเมือง

ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า การชุมนุมของเกษตรกรที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ส่วนหนึ่งทราบว่า มีการปลุกระดมโดยกลุ่มการเมืองที่พยายามนำเอาปัญหาของประชาชนเข้ามาเป็นเงื่อนไขในการชุมนุม โดยนัดรวมตัวกันในวันที่ 3 กันยายนนี้ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล และเมื่อมีการรวมตัวกันมากขึ้น แล้วจะมีความพยายามแปลงจากปัญหาประชาชนไปเป็นการชุมนุมเพื่อหวังผลทางการเมือง เช่น การชุมนุมต่อต้าน พรบ.นิรโทษกรรม เป็นต้น

“ถาวร”ท้าแน่จริงให้มาจับ

ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรค แถลงว่า ส.ส.ภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของสวนยาง จึงเกิดปัญหาความเดือดร้อน จึงมีสิทธิที่จะชุมนุมเรียกร้อง และรัฐมนตรีและส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนก็เป็นเจ้าของสวนยาง แต่กลับไม่ออกมาต่อสู้ เพราะทำตัวเป็นขี้ข้าระบอบทักษิณ จึงทำให้ชาวสวนยางรู้สึกผิดหวัง แต่ถ้าใครจะกล่าวหาว่าตนอยู่เบื้องหลังนั้น ยืนยันว่าตนเป็นหนึ่งในกลุ่มเกษตรกร หากใครคิดจะจับกุมก็ให้มาจับได้ทันที