บีบ'ปู'ต้องรับผิดชอบ
ผบ.ทบ.พูดชัดถ้าเกิดจลาจล
แทงกั๊กปฏิวัติ-ชี้อยู่ที่เงื่อนไข
นายกฯปัดดอดเคลียร์กองทัพ
แดงระดมคนต้านรัฐประหาร
'13มกรา'ใช้แผนป่าล้อมเมือง
เมื่อวันที่ 7 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการเคลื่อนย้ายกำลังช่วงนี้เพื่อทำการปฏิวัติว่าข่าวลือเป็นข่าวที่ไม่จริง ดังนั้นไม่ต้องเชื่อ เพราะเราเคลื่อนย้ายกำลังพลทุกปีและปีนี้เป็นวาระพิเศษที่เรากำหนดล่วงหน้าแล้วว่า เราจะนำยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ ที่ได้จัดซื้อจัดหามาให้ประชาชนในกรุงเทพได้เห็นว่า สิ่งที่เราได้จัดซื้อมามีสมรรถนะเพียงใด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เราได้ใช้จ่ายงบประมาณในการจัดหายุทโธปกรณ์อย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
“ที่มีคนระแวงว่า ทหารจะใช้การปฏิวัติเป็นทางออกสุดท้ายนั้น คนไปกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เมื่อมองไม่เห็นก็อย่าไปกลัว คิดว่าทุกอย่างมีสาเหตุหมด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเรื่องเดียว ทุกเรื่องต้องมีสาเหตุต้องมีเงื่อนไข ถ้าไม่มีเหตุอะไรก็ไม่มีเรื่อง เหมือนเรื่องอีกากับวัว ถ้าวัวมีแผล อีกาก็จะมาจิกหลังทุกวัน ถ้าไม่มีแผลก็ไม่มีอีกา “ผบ.ทบ.กล่าว
บิ๊กตู่ลั่นเกิดจลาจลรบ.รับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าการที่กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือกปปส.จะปิดกรุงเทพจะส่งผลให้เกิดการปะทะกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปะทะเกิดมาแล้วหลายครั้ง ลองย้อนกลับไปดูปี2553 มี 2ฝ่าย คือ รัฐบาลกับกลุ่มต่อต้าน ส่วนปี2557 มีรัฐบาลกับกลุ่มต่อต้านคือ กปปส.และยังมีอีกกลุ่มที่เตรียมออกมาอีก สรุปคือมี 3กลุ่ม ซึ่งต่างจากปี2553 ตนขออย่างเดียวอย่าให้เกิดความรุนแรง ซึ่งทหารต้องดูแลประชาชนทุกพวกทุกฝ่ายไม่ให้บาดเจ็บล้มตาย ส่วนการปิดกรุงเทพตนหวังอย่างเดียวว่า จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ใครก็ตามที่ทำให้เกิดความรุนแรงคนนั้นจะต้องรับผิดชอบ ถ้าประชาชนตีกันบาดเจ็บล้มตายจนเกิดจราจล รัฐบาลต้องรับผิดชอบในหลักการ
ใช้พรก.ฉุกเฉินต้องมีเหตุรุนแรง
เมื่อถามว่า มีความต้องการให้ใช้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พรก.ฉุกเฉิน) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเข้าใจ ซึ่งตนได้อธิบายในที่ประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ที่ผ่านมาและชี้แจงว่า เราเคยใช้อย่างไร เพราะทหารถูกนำไปเกี่ยวโยงทุกครั้ง ซึ่งตนชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นในการตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ขอย้อนไปปี2553 ก่อนประกาศใช้พระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (พรบ.ความมั่นคง) มีเหตุใช้ความรุนแรง 6 ครั้ง มีการใช้อาวุธงสงครามยิง โดยไม่รู้ว่าใครทำ จึงประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง จากนั้นมีการพัฒนาสถานการณ์ตามลำดับ โดยมีเหตุใช้อาวุธสงคราม 24-26ครั้ง จึงมีการใช้ พรก.ฉุกเฉินและจากนั้นยังมีการเหตุการณ์ความรุนแรงอีกกว่า 60ครั้ง
วอนช่วยกันแก้ไข-อย่าซ้ำรอยปี53
“ในปี2553 มีเหตุใช้อาวุธสงคราม กระสุนและวัตถุระเบิดทั้งหมด 96ครั้ง แต่วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งตนได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีและศอ.รส.ไปแล้วว่า ต้องให้ตำรวจตรวจสอบให้ชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้นในขณะนี้ ใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ต้องชัดเจน จะได้ไม่พัฒนาไปเหมือนปี2553 ทุกคนต้องกลับมาแก้ปัญหาให้เจอ อย่าเอาผมมาตัดสิน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
แปร่ง!ไม่ยืนยันไม่มีปฏิวัติ
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่กองทัพจะไม่ทำรัฐประหาร เพราะข่าวปฏิวัติทำให้ตลาดหุ้นตก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “มันไม่เกี่ยวกับทหาร อยู่ที่พวกคุณ หุ้นจะตกหรือไม่อย่ามาโทษทหาร เมื่อสื่อเป็นคนสร้าง วาดเรื่องขึ้นมาเอง แล้วให้ผมมายืนยัน ผมไม่ตอบ ผมไม่ยืนยันทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ผมคนเดียว ถ้าให้ผมกับองค์กรของผมมาแก้ปัญหา คงไม่ใช่ ทหารทำดีที่สุดแล้วคือ ทำให้สถานการณ์หยุดนิ่งอยู่กับที่ อาจรำคาญบ้างเล็กน้อย แต่อย่าใช้ยาแรง วันนี้เป็นไข้เล็กน้อย อาจจะเติมยาไปสักหน่อย ถ้าใช้ยาแรงมันอันตราย ซึ่งการประชุม กอ.รมน.ที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ให้ติดตามคดี เพราะตอนนี้มีคดีมากขึ้น ความผิดเหมือนเดิม อธิบดีก็คนเดียวกัน ซึ่งถ้าจะเคลียร์ปีนี้และเคลียร์ปี2553 ให้ด้วย เคลียร์ให้จบทั้งสอง ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่เลิกกันสักที” ผบ.ทบ.กล่าว
“บิ๊กอ๊อด”ปัดขนอาวุธปฏิวัติ
ด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีความเป็นห่วงทหารจะทำปฏิวัติเพราะพบความผิดปกติหลายอย่างว่า ไม่มีปฏิวัติ ตนยังไม่เห็นมีอะไรเลย ส่วนการขนยุทโธปกรณ์เข้ามาจากต่างจังหวัดนั้น เพื่อนำมาโชว์ช่วงวันเด็กและสวนสนามเทิดเกียรติให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส.ที่จะเกษียณอายุราชการ ไม่มีอะไรหรอก ทหารจะปฏิวัติทำไมและรถถังมีบางคันเพิ่งซื้อมาใหม่ อาจจะนำมาโชว์ด้วย แต่ตนไม่รู้จะเอาอะไรเข้ามาบ้าง
ปลัดกห.มั่นใจทหารไม่ทำแน่
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า ในการประชุม กอ.รมน.เมื่อวันที่ 3มกราคมที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) ได้ย้ำกฎเหล็กในการไม่ใช้ความรุนแรงใดๆในการปฏิบัติการในอนาคต เมื่อถามว่า มีโอกาสเกิดปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวว่า ขอให้มั่นใจและเชื่อมั่นในผบ.เหล่าทัพ ทั้งคำพูดผู้ใหญ่ในกองทัพและที่ให้โฆษกกองทัพออกมาพูด แต่คงเพราะมีการจินตนาการกันไปต่างๆนานา เป็นการใส่ร้ายและกวนน้ำให้ขุ่น ซึ่งเป็นอันตรายมาก ส่วนความคืบหน้าของสภาปฏิรูปนั้น อยากให้นักวิชาการได้เสนอพิมพ์เขียวสภาปฏิรูปออกมา เพื่อเป็นแสงสว่างในความมืด เพราะแนวทางของรัฐบาลถูกมองไม่เป็นกลางและขอให้ทุกฝ่ายเปิดแผนออกมาหลายๆพิมพ์เขียว
ปูเชื่อไม่ปฏิวัติ-แก้ระยะยาวดีกว่า
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.ที่สโมสรทหารบก ถึงกระแสข่าวว่า นายกฯได้พูดคุยหารือกับเหล่าทัพเพื่อยอมให้ปฏิวัติและเคลียร์ปัญหาให้จบภายในเวลา 1ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้งจริงหรือไม่ โดยนายกฯ กล่าวว่า”ใครหารือคะ”(หัวเราะ) ไม่มีหรอกค่ะ จริงๆต้องเรียนว่า อาจมีข่าวลือต่างๆมากมาย ก็ขอให้พี่น้องประชาชนพยายามรับฟังข่าวลือต่างๆด้วยความระมัดระวัง เชื่อว่าไม่มีใครจะมีเจตนาอย่างนั้น เรื่องปฏิวัติไม่มีผลดีเลย เราก็เห็นแล้วว่า ปฏิวัติเกิดขึ้นมาเมื่อก่อนไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา การพูดคุยกันแก้ปัญหาด้วยสันติจะดีกว่า ตนในฐานะรมว.กลาโหม ก็เชื่อว่า ผบ.เหล่าทัพจะนึกถึงการแก้ปัญหาระยะยาว
“น้องไปป์”แห้ว-อดเที่ยววันเด็ก
เมื่อถามว่า ในฐานะรมว.กลาโหม จับความรู้สึกของทหารได้หรือไม่ว่า ทหารอึดอัดหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ดิฉันคงไม่ขอไปจับความรู้สึกของใคร อันนั้นเป็นความรู้สึก แต่เชื่อว่าทุกคนจะปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่และคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศระยะยาวมากกว่าการตัดสินใจระยะสั้นในการแก้ปัญหา” ส่วนการจัดงานวันเด็กในทำเนียบรัฐบาลนั้น อยู่ระหว่างเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งรัฐบาลอยากจะจัดเหมือนปกติทุกปี เมื่อถามว่าจะพา ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย ไปเที่ยวงานวันเด็กที่ไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้ไป
ใช้พรก.ฉุกเฉินตามสถานการณ์
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุม ครม.ถึงกระแสเรื่องประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฯว่า ที่ประชุมไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับคำถามที่ว่า จะประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฯในอนาคตหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความจำเป็น โดยฝ่ายความมั่นคงจะทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นปช.ต้านรัฐประหาร-ลุยเปิดปท.
วันเดียวกัน ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ได้เปิดประชุมแกนนำและผู้ประสานงานทั่วประเทศองค์กร นปช.(แดงทั้งแผ่นดิน) กว่า 3พันคน นางธิดา เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ต้องการ 1.หยุดรัฐประหาร 2.ต่อต้านพวกกบฏและ3จะหารือแกนนำทั่วประเทศในการกำหนดการเคลื่อนไหววันที่ 13มกราคม ตามยุทธวิธีเปิดประเทศ โดยได้ข้อสรุปว่า จะใช้แผนป่าล้อมเมือง วันที่ 13มกราคม เวลา 09.00น.จะให้แกนนำแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดภาคใต้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พามวลชนเสื้อแดงและประชาชนทั่วไปในพื้นที่เดินขบวนรณรงค์หยุดรัฐประหารและต่อต้านกลุ่ม กปปส.เคลื่อนไหวปิดกทม.โดยให้เลือกใช้เส้นทางแต่ละจังหวัดเอง สาเหตุที่ไม่ไปเคลื่อนไหวในจังหวัดภาคใต้ กรุงเทพฯและปริมณฑล เพราะไม่ต้องการเผชิญหน้าเพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตของพี่น้องคนไทยด้วยกัน
“เต้น”ท้า”เทือก”เดินเหนือ-อีสาน
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำ นปช.ขึ้นกล่าวปราศรัยโจมตี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ที่พยายามปลุกปั่นให้กลุ่มมวลชนปิด กทม.วันที่ 13มกราคมว่า การที่ นายสุเทพ ท้าให้ตนไปเดินกรุงเทพฯเพื่อวัดกระแสความนิยมว่า ใครจะได้เงิน หรือก้อนหินมากกว่ากันนั้น หากตนไปเดินตอนนี้คงได้ก้อนหินจริงๆ แต่เป็นก้อนหินที่คนกรุงเทพฯฝากให้เอาไปปาหัวคนที่เขาเกลียดมากกว่าและตนขอท้า นายสุเทพ ให้มาเดินภาคเหนือกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือบ้างดูว่าใครจะมีพื้นที่เดินได้มากกว่ากัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี