ซัดกันมาอย่างโชกโชน ฟุตบอลโลก เหลือ 4 ทีมสุดท้าย เข้าถึงรอบตัดเชือก
ถามว่าจะถูกใจทุกคนหรือไม่นั้น คงไม่จำเป็นต้องหาคำตอบ เพราะแต่ละคนย่อมชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญก็คือ เมื่อผ่านขั้นตอนมาแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า นี่คือ 4 ทีมสุดท้ายของโลก
แต่ถือว่ามากันครบครันทั้ง กลุ่มทีมเต็งแชมป์, กลุ่มทีมลุ้นแชมป์ และกลุ่มทีมม้ามืด
อย่างที่เคยจัดเกรดฟุตบอลก่อนเดินหน้าเข้าสู่การแข่งขัน ฝรั่งเศส คือ เต็ง 3 ก่อนจะทำผลงานดีที่สุดในรอบ 12 ปี
ตามมาด้วย เบลเยียม ทีมที่อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ ฐานะ เต็ง 7 ทำผลงานดีที่สุดในรอบ 32 ปี
ขณะที่ อังกฤษ ทีมที่อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ ฐานะเต็ง 8 ทำผลงานดีที่สุดในรอบ 28 ปี
ปิดท้ายด้วยทีมจากกลุ่มม้ามืด โครเอเชีย ฐานะเต็ง 10 ทำผลงานที่ดีที่สุดในรอบ 20 ปี
ทำให้ฟุตบอลโลกสมัยนี้ จึงดูค่อนข้างแปลกๆ สำหรับหลายต่อหลายคน เพราะทีมที่เข้ารอบมาได้ ล้วนแต่ “ไม่ค่อยมีผลงาน” ในบอลโลกเท่าไหร่นัก เมื่อเรานับตามเงื่อนไขเวลา
บางคนยังไม่รู้ ยังไม่เคยดูบอลด้วยซ้ำ สำหรับผลงานครั้งสุดท้ายของทั้ง 4 ทีม นับเวลาผลงานที่นานสุดคือ เมื่อ 32 ปีก่อนที่ เบลเยียม เข้าถึงอันดับ 4 เวิลด์คัพฉบับจังโก้ ตัวผมเองก็ยังอยู่แค่ ป.5
แต่ตอนนั้นผมบ้าบอลแล้วนะ ฮ่า
ประเด็นคือ การจำหน่าย “หนังสือ” ที่เป็นแหล่งความรู้ตัวฉกาจ ในยุคสมัยนั้น ปี 1986 ราคาถือว่าแพงมาก แต่ผมโชคดีที่ได้อ่านได้ดู จากการสนับสนุนของครอบครัว เมื่อเห็นการถ่ายทอดสด และอ่านหนังสือประกอบกัน ขอยันอีกทีว่า สิ่งที่หลายคนบอกว่า “ยุคของ เอ็นโซ่ ชีโฟ่” ถือเป็นการสมอ้าง
ปีนั้น ชีโฟ่ เพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นดาวรุ่ง
ฌอง มารี-พัฟฟ์, เอริค แกเร็ตส์, แยน คูเลอมองส์ คือขุนพลหลักในตอนนั้น และมีรุ่นราวคราวเดียวกับ ชีโฟ่ ก็คือ นิโก คลาสเซ่น ที่แจ้งเกิด
หนนั้นและได้ย้ายไปอยู่กับ สเปอร์ส หลังจบเวิลด์คัพ
ลำดับต่อมาคือ “ดีที่สุดใน 28 ปี” ของอังกฤษ ถือเป็นเรื่องน่าสนใจ
อังกฤษ เมื่อปี 1990 ออกสตาร์ทด้วยการเล่นแผงหลังหน้ากระดาน
ในการเปิดกับ ไอร์แลนด์ ก่อนจะมาเล่นด้วยระบบกองหลัง 3 คนในนัดต่อมา กระทั่งใช้ระบบนี้ที่ไม่คุ้นตา 3-5-2 ในรอบน็อกเอาท์กันแบบยาวๆ เพราะแผงหลังตอนนั้นถือว่าโอเคหมด ก็คือ เทอร์รี่ บุทเชอร์ กัปตันทีมยอมแกร่งระดับ
มนุษย์ไม้, มาร์ค ไรท์ ที่เล่นได้ยอดเยี่ยมกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ และเดส วอล์คเกอร์ ที่กำลังฟอร์มแรงจนเป็นที่หมายตาให้ไปโกยเงินลีร์ที่อิตาลี
อังกฤษ ยุคนั้นก็ไม่ได้รับการคาดหวังมากมายนัก เนื่องจากนักเตะหลายคนกำลังสู่วัย 30 ปี อาทิ ไบรอัน ร็อบสัน, เทอร์รี่ บุทเชอร์, แกรี่ ลินิเกอร์,
คริส ว้อดเดิ้ล รวมไปถึง ปีเตอร์ ชิลตัน ก็ปาเข้าไป 40 ปี คือทุกคนคาดหมายว่า
จะต้องดีตั้งแต่ปี 1986 ไปแล้ว
กระทั่งการแจ้งเกิดเต็มตัวของ “ไอ้อ้วนซ่าส์” พอล แกสคอยน์ ที่กำลังขึ้นในตอนนั้นกับการเล่นให้ สเปอร์ส และสถานการณ์สร้างวีรบุรุษในรอบ 16 ทีม
เมื่อ เดวิด แพล็ท คนรุ่นเดียวกันกับ แกสซ่า ที่ปีนั้นเป็นกำลังสำคัญให้กับ
วิลล่า บี้แชมป์ลีก กับ ลิเวอร์พูล ลงมาซัดประตูชัยในนาทีที่ 120 ให้ อังกฤษ พิชิต เบลเยี่ยม ในรอบที่ 2
ทำให้ “แพล็ทแมน” สวมบทตัวจริงแทน สตีฟ แม็คมาน ที่อุตส่าห์เสียบตำแหน่งของ ไบรอัน ร็อบสัน ที่บาดเจ็บ ได้อีกที
ลงท้าย อังกฤษ แพ้จุดโทษ เยอรมันตะวันตก ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะได้อันดับ 4 ไปครอง ถือว่าดีสุดนับตั้งแต่แชมป์โลก ปี 1966
ต่อมาคือ “ดีที่สุดในรอบ 20 ปี” ของ โครเอเชีย นี่ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก
นับจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย ในปี 1991 พวกเขาก็สู้กันเองกินระยะเวลานานตั้งแต่ปี 1991-1999 เลยทีเดียว
นั่นคือ “สงครามแห่งเผ่าพันธุ์” เพราะในยูโกสลาเวีย มีคน 3 เผ่าพันธุ์
เป็นหลักคือ เซิร์บ, บอสเนีย และโครแอต
อีกทางหนึ่งก็เป็นการสู้กันของพวกบอสนิค กับ โครแอต ในบอสเนีย แถมกลุ่มบอสนิคก็ทะเลาะกันเองในบอสเนีย อีกต่างหาก
แต่ระหว่างที่กำลังรบอยู่นั้น โครเอเชีย คว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก ในปี 1998 ได้อย่างสุดยอดมากๆ
สิ่งหนึ่งที่เตะตาคือ “ลายเสื้อ” และฝีเท้าของนักบอลที่แจ้งเกิดมาตั้งแต่ยูโร 1996 กระทั่งมาชัดเจนในบอลโลก ถือเป็นชุดที่ว่ากันว่า “พอดีกัน” เหมือนกับยุคนี้ โดยสองเพื่อนซี้อย่าง ซโวนีเมียร์ โบบัน กับ โรเบิร์ต โปรซิเนคกี้ เป็นกำลังสำคัญ ก่อนที่อาการบาดเจ็บเล่นงาน โปรซิเนคกี้ ทำให้ โบบัน เป็นตัวนำทีม พร้อมกับดาวยิงพรสวรรค์อย่าง ดาวอร์ ซูเคอร์
พวกเขาได้อันดับ 3 อย่างสุดเซอร์ไพรส์มาก ๆ
อีกหนึ่งทีมคือ ฝรั่งเศส ช่วยกู้หน้าม้าเต็งไว้ได้ กับผลงานดีที่สุดในรอบ 12 ปี
ฉากสุดท้ายย่อมจดจำกันได้ นั่นก็คือ ซีเนดีน ซีดาน ขวิดเข้าไปที่กลางอกของ มาร์โก มาร์เตรัซซี่ ก่อนที่ ฝรั่งเศส จะแพ้จุดโทษชวดแชมป์โลกไปในปี 2006
ปิดยุคเจเนอเรชั่น จากความยิ่งใหญ่ตั้งแต่ปี 1998 ลงไปด้วย
ถอยไปไม่ไกลมาก จนกระทั่งปีนี้ ฝรั่งเศส กลับมาได้อีกครั้ง พร้อมกับกลายเป็นเต็ง 1 ของรายการ
ส่วนใครจะเป็นแชมป์ เริ่มชำแหละกันวันพรุ่ง!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี