เหลือบไปเห็นข่าวผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กำลังกุมขมับกับรายงานเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ ในรอบ 9 เดือน (ต.ค. 2556-มิ.ย. 2557) ที่ยัง “อืดเป็นเรือเกลือ” เพราะมียอดเบิกจ่ายไปได้เพียง 70,000 ล้านบาท จากเป้าหมาย 3.46 แสนล้าน หรือเท่ากับ 20% ของเป้าหมายเท่านั้น
เรียกได้ว่าห่างจากเป้าหมายที่ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” (คสช.) ตั้งไว้หลุดลุ่ย เพราะตีฆ้องร้องป่าวจะ “ล้างท่อ” งบลงทุนและเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ได้ถึง 90-95% แต่ทำได้จริงแค่กระผีก แบบนี้ต่อให้ไขลานเร่งรัดเบิกจ่ายช่วงขวบเดือนที่เหลือจากนี้ ก็ไม่น่าจะไปถึง 50-60% ได้
ก่อนที่ผู้อำนวยการ สคร.จะเฉไฉไปว่า เหตุที่การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจอืดเป็นเรือเกลือนั้น น่าจะเป็นเพราะวิกฤติการเมืองในช่วงที่ผ่านมาที่ทำให้การเบิกจ่ายงบเป็นไปด้วยความล่าช้า แต่หลังจากคสช.เข้ามาวางกรอบลงทุน จัดซื้อจัดจ้าง จัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ แล้วก็น่าจะไหลรื่น...
จนถึงวินาทีนี้ท่านผู้อำนวยการสคร. ยังไม่รู้อีกหรือว่าเหตุใดนโยบาย “ล้างท่อ” งบลงทุนที่ท่านประธาน “ซูเปอร์บอร์ดรสก.” สั่งให้ผู้บริหารหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจถึง “ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก” ไม่ขยับไปไหน? ท่านยังคิดว่าเป็นผลพวงมาจากวิกฤติทางการเมืองกันที่ทำให้การเบิกจ่ายล่าช้ากันอยู่อีกหรือ?
เหตุใดไม่ย้อนกลับไปดูว่าเหตุที่การเบิกจ่ายล่าช้าอืดเป็นเรือเกลืออยู่นั้น ก็ล้วนเป็นเพราะผลพวงมาจากประกาศ คสช.ที่สร้างความสับสนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานเอง เพราะขาหนึ่งสั่งให้เร่งรัดการเบิกจ่าย แต่อีกขาก็กลับออกคำสั่งให้ทุกหน่วยงานชะลอการจัดซื้อจัดจ้าง และต้องส่งโครงการที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้าน 1,000 ล้าน มาให้คณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณรัฐ (คตร.) พิจารณากลั่นกรองก่อน
มิหนำซ้ำยังออกประกาศสำทับตามมาไม่รู้กี่ฉบับจะลงโทษส่วนราชการและ ผู้บริหารหน่วยงานรัฐขั้นเด็ดขาดหากพบว่ามีการตุกติกทุจริต จัดซื้อจัดจ้างเกิดขึ้นในโครงการใดๆ เจอเข้าไปหลายขนานขนาดนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนของรัฐและรัฐวิสาหกิจถึงได้อยู่ในสภาพ “ควงสว่าน” อยู่กับที่หรือตกอยู่ในสภาพที่เรียกว่า Drifting Policy กันยังไง ซึ่งหากรัฐบาล คสช.และซูเปอร์บอร์ดยังแก้ไขปัญหาแบบ “ตาบอดคลำช้าง” อยู่อีก ก็เห็นทีว่า อนาคตเศรษฐกิจไทยจะปีนี้หรือปีหน้าคงพะงาบๆ ตามมาแน่...
เหมือนวิกฤติ “การบินไทย” เวลานี้ ที่กำลังระส่ำจากผลประกอบการที่ติดลบติดต่อกันมาหลายปี จากที่เคยได้ชื่อว่าเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นแนวหน้า วันนี้ทำท่าจะปาดหน้าสาหัสยิ่งกว่ากิจการรถไฟไทยไปแล้ว โดยในปี 2556 ที่ผ่านมาขาดทุนไปกว่า 1.2 หมื่นล้าน และปี 2557 นี้หากไม่เร่งฟื้นฟูกิจการ ก็คาดว่าจะขาดทุนอีกไม่น้อยกว่า 20,000 ล้าน
ล่าสุดบอร์ดการบินไทยที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.และรองหัวหน้าคสช.เป็นประธานได้อนุมัติแผนยกเครื่องการบินไทย ไล่ดะไปตั้งแต่ปลดรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) ยกแผง เร่งจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการปรับเปลี่ยนเส้นทางบินใหม่ โดยย้ายสายการบินไทยสมายกลับไปให้บริการที่สนามบินดอนเมือง ปรับภาพลักษณ์ของการบินไทยให้เป็นสายการบินระดับซูเปอร์พรีเมียม และจ่อจะโละนางฟ้า พนักงานการบินไทยตามมาอีกกว่า 900 คน
และเพื่อจะให้การกอบกู้การบินไทยไปถึงเป้าหมาย นัยว่ารองหัวหน้า คสช. ในฐานะประธานบอร์ดการบินไทยก็ “แบไต๋” ออกมาแล้วจะให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเสียสละจัดทำแผนฟื้นฟูและช่วยเหลือการบินไทย โดยเฉพาะการปรับลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ทอท.คิดกับการบินไทยว่า มีส่วนไหนจะปรับลดราคาลงได้อีก รวมทั้งมีช่องทางไหนจะเอื้อให้การบินไทยพลิกฟื้นขึ้นมามีกำไรได้
เจอแบบนี้ก็ต้องบอกว่า...เล่นเอาคนใน ทอท. “อึ้งกิมกี่” จะฟื้นฟูกิจการบินไทยอยู่ดีๆ ไฉนมาลงเอาที่การขอให้เพื่อนบ้านต้องไปเอื้ออาทรให้ซะงั้น ทั้งที่จะว่าไป ที่ผ่านมา ทอท. ก็ประเคนให้การบินไทยชนิดที่ทำเอาสายการบินอื่นๆ ค้อนขวั่บเข้าให้อยู่แล้ว ไหนจะประเคนสัมปทานยกขนกระเป๋าสัมภาระ Ground Handling สัมปทานบริหารพื้นที่ฟรีโซน การได้สิทธิ์ใช้ Contact Gate และหลุมจอด เช่าพื้นที่ตั้งสำนักงาน เคาน์เตอร์และเลานจ์เซอร์วิสในราคาพิเศษ จ่ายค่าเช่าให้ทอท.เต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่คนในทอท.ก็ยังกังขากันอยู่เลย นี่ยังจะให้เอื้ออาทร ปรับลดค่าธรรมเนียมอะไรต่อมิอะไรให้อีก
หากว่าทอท.เอื้ออาทรให้ไปจนเข้าเนื้อ ทำเอารายได้ประกอบการและกำรี้กำไร ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จะงานเข้าผู้บริหารทอท.หรือไม่อีก เพราะนัยว่าปี 2556 ทอท. ทำ Profile กำไรไว้ซะสูงลิ่ว 16,000 ล้านบาท แจกโบนัสกันจนพุงปลิ้นถึง 11 เดือน ทำเอาบรรดา รสก.อื่นๆ พากันอิจฉา “งานเข้า” ถ้วนหน้า เพราะถูกค่อนแคะว่าไร้ประสิทธิภาพเป็นรายวันอยู่แล้ว ที่สำคัญหากการฟื้นฟูวิกฤติการบินไทยต้องมาลงเอยด้วยการให้ ทอท.ต้องเข้าไปอุ้มชูกันมากซะขนาดนี้ แม้จะฟื้นฟูกิจการได้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรหากการบินไทยยังคงทำตัวเป็น “เด็กไม่รู้จักโต” แบบนี้
การบินไทยจะออกไปแข่งขันกับสายการบินอื่นๆ เขาได้อย่างไร หากยังไม่รู้จักปรับตัวเอง ยังต้องแบมือขอให้แต่คนอื่นเข้ามาช่วยเหลือ จนไม่สามารถยืนอยู่บนขาตัวเองได้แบบนี้
จริงไม่จริงท่านประธานประจิน จั่นตอง ที่เคารพ!...
อนันเดช พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี