“พาณิชย์” ผนึกเอกชน รักษาเสถียรภาพราคาข้าว ในช่วงผลผลิตล้นตลาด ดึงข้าวส่วนเกินออกมาเก็บรักษา หวังพยุงราคาไม่ให้ตกต่ำ ด้านเอกชนเตรียมทุ่มเงินซื้อข้าวหอมมะลิกว่า 1 แสนตัน เก็บไว้เพื่อช่วยดึงราคาข้าว ชี้ราคาไม่ต่ำกว่านี้แล้ว
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปีการผลิต 2558/59 โดยการลดต้นทุนการผลิตข้าว มีมาตรการสนับสนุนเกษตรกรด้านสินเชื่อ ลดดอกเบี้ย และจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เพื่อชะลอปริมาณข้าวเปลือกที่เริ่มทยอยออกสู่ตลาดมากในช่วงต้นฤดูกาลเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2558 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เชื่อว่าจะช่วยรักษาระดับราคาข้าวนาปีไม่ให้ตกต่ำ ซึ่งราคาข้าวเปลือกหอมมะลิจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13,500 บาทต่อตัน และข้าวขาวไม่ต่ำกว่า 8,000 บาทต่อตัน
สำหรับมาตรการที่ช่วยเหลือเกษตรกรของภาครัฐ ได้แก่ มาตรการลดต้นทุนการผลิต ในการลดต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช ค่าบริการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ และค่าเช่าที่นา เป็นต้น โดยมาตรการสนับสนุนช่วยเหลือที่กระทรวงพาณิชย์ดูแล คือ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เก็บสต๊อกข้าวเปลือกเป็นเวลา 2-6 เดือน โดยชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการที่กู้ยืมเงินจากธนาคาร 3% ต่อปี, โครงการจัดตลาดนัดข้าวและพืชไร่ จำนวน 187 ครั้ง ตั้งแต่ ต.ค.2558-ก.ย.2559, โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวหอมมะลิระหว่างผู้ส่งออกและโรงสี เพื่อซื้อข้าวหอมมะลิเก็บเป็นสต๊อกในช่วง ธ.ค.2558-ก.พ.2559
นอกจากนี้ตามมติคณะกรรมการนโยบายบริหารและจัดการข้าว(นบข.) ที่ให้ระบายข้าวเสื่อมคุณภาพปริมาณ 2,000,000 ตัน ขณะนี้ทางกรมการค้า
ต่างประเทศอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ พิจารณารายละเอียดการระบายข้าวเสื่อมไปสู่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาข้าวและหมุนวนกลับมาสู่การบริโภค และยอมรับว่าการระบายข้าวเสื่อมอาจกระทบจิตวิทยาในตลาดข้าว แต่ก็ต้องทำการทดลองระบาย เพื่อใช้บริหารจัดการในระยะต่อไปได้ ซึ่งจะเปิดการประมูลนำร่องเร็วๆ นี้ ส่วนการระบายข้าวคุณภาพดีต้องชะลอไว้ก่อนเพื่อไม่ให้กระทบกับราคาในประเทศ
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผู้ส่งออกในสมาคม จะร่วมมือกันใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทเข้าไปช่วยซื้อข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปริมาณ 100,000 ตันข้าวสาร ในราคา 26,000 บาทต่อตันหรือคิดเป็นราคาข้าวเปลือกประมาณราคาตันละ13,500 บาทต่อตัน มาเก็บในสต๊อกเป็นเวลา 3 เดือนเพื่อดึงผลผลิตข้าวหอมมะลิดูการผลิต 2558/59 ที่จะทยอยออกสู่ตลาดมาเก็บไว้ก่อน เป็นการช่วยรักษาระดับราคาข้าวหอมมะลิไม่ให้ตกต่ำ ซึ่งการซื้อข้าวจำนวนดังกล่าวเป็นการซื้อเพิ่มจากปริมาณที่ซื้อจากปกติทุกปี และจะเริ่มทยอยซื้อทันทีตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยค่าดอกเบี้ย ค่าฝากเก็บ และต้นทุนจากการซื้อข้าวเป็นเงินของเอกชนทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาข้าวของไทยไม่น่าจะตกต่ำไปกว่านี้แล้ว โดยราคาข้าวเปลือกเจ้าจะอยู่ที่ตันละ 8,000-8,500 บาท และหากรัฐบาลสามารถระบายข้าวออกไปได้ และทำให้ข้าวในสต๊อกเหลือประมาณ 5 ล้านตัน ก็เชื่อว่าราคาข้าวจะขยับขึ้นแน่นอน ซึ่งก็มองว่ามีความเป็นไปได้ เพราะมีปัจจัยเรื่องภัยแล้งที่ทำให้ผลลิตน้อย หากนาปรังไม่สามารถปลูกข้าวได้ ข้าวจะหายไปประมาณ3-4 ล้านตัน ซึ่งรัฐน่าจะระบายข้าวในสต๊อกได้เพิ่ม และข้าวสต๊อกในปี 2559 จะเหลือประมาณ 4-5 ล้านตัน
“การส่งออกข้าวในปี 2558 คาดว่าน่าจะส่งออกได้ 9.5-10 ล้านตัน ส่วนปีหน้ามองว่าการส่งออกน่าจะได้ 10 ล้านตัน ก็เป็นทิศทางที่ดีการแข่งขันในตลาดข้าว”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี