นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากการเฝ้าติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงฤดูฝนปี 2559 พบว่าขณะนี้สิ้นสุดฤดูฝนแล้ว โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์ว่าปริมาณฝนบริเวณภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนอยู่ในเกณฑ์น้อยลงแล้ว ดังนั้นกรมชลประทาน จึงได้ลดการระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมหยุดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระรามหก เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง

ทั้งนี้จึงส่งผลให้ระดับน้ำที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงปริมาณน้ำที่ไหลไปสมทบและบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีแนวโน้มลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ประกอบกับเขื่อนป้องกันน้ำท่วมที่ก่อสร้างล้อมรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ. คือ 1.นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน 2.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) และ 3.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร มีความสูงของเขื่อนมากกว่าระดับน้ำในปัจจุบันประมาณ 4-5 เมตร จึงสรุปได้ว่านิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่ง มีความปลอดภัยและไร้ความเสี่ยงจากปัญหาน้ำท่วมในปี 2559 นี้ อย่างแน่นอนแล้ว         

สำหรับนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร เดิมที่มีแผนการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมในลักษณะคันดินเสริมผนังคอนกรีต โดยมีระดับความสูงของเขื่อนอยู่ที่ +8.500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง (เมตร รทก.) แต่เนื่องจากบริษัท สหรัตนนคร จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาพื้นที่ ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน และศาลล้มละลายกลาง ได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ทำให้ต้องชะลอการสร้างเขื่อน จึงดำเนินการแล้วเสร็จเฉพาะในส่วนของคันดิน ซึ่งมีความสูงอยู่ที่ +7.500 เมตร ระดับน้ำทะเลปานกลาง (เมตร รทก.) นั้น จากนี้ กนอ.จะรับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จต่อไป เพื่อเพิ่มความพร้อมในการรับมือกับปัญหาน้ำท่วมในอนาคต

“แม้ในขณะนี้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้ง3 แห่ง จะปลอดภัย ไร้ความเสี่ยงจากปัญหาน้ำท่วมแล้ว แต่จากสถานการณ์ฝนตกหนัก ประกอบกับการระบายน้ำจากเขื่อนต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีประชาชนบางพื้นที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบางแห่ง กนอ.จึงได้เร่งดำเนินการสำรวจชุมชนรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบพร้อมทั้งให้การสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค และยารักษาโรคประมาณ 3,000 ชุด ผ่านทางนายกเทศมนตรี และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ เพื่อนำไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยด่วน” นายวีรพงศ์ กล่าว