นายจารุพันธุ์ จารโยภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม(อก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมฯ กำลังเร่งดำเนินโครงการปั้นนักธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปไทย หรือSMEs เกษตร ตามแนวทางประชารัฐ โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาเกษตรกรแห่งชาติ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค อุตสาหกรรมจังหวัด สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์(กษ.) และกระทรวงพาณิชย์(พณ.) เป็นต้น
นายจารุพันธุ์ กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณดำเนินการ จำนวน 47.16 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เป้าหมาย 55,000 คน 300 กลุ่มทั่วประเทศ เบื้องต้นได้เร่งสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจให้กับบุคลากรอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรแปรรูป วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ประชาชน และบุคลากรในห่วงโซ่ ครั้งละ 200-400 คน เพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าถึงโครงการฯดังกล่าวอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
รองอธิบดี กสอ. กล่าวว่า ในขณะนี้ได้รับสมัครและคัดกรองผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการปั้นนักธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปไทยฯแล้ว จากนั้นจะเร่งขับเคลื่อนกิจกรรมตามขั้นตอนที่วางไว้ 3 ขั้นตอน คือ 1.สร้างองค์ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ 2.ส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์ที่มิใช่อาหาร และ3.ส่งเสริมการจัดตั้งหน่วยผลิตอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปต้นแบบในพื้นที่ เป็นต้น ปัจจุบันได้ทยอยจัดฝึกอบรมเพื่อสร้างความรู้ความใจการเป็นผู้ประกอบการให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ ไปแล้วกว่า 30,000 คน อาทิ อุดรธานี กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี นครปฐม อำนาจเจริญ นนทบุรี ราชบุรี เชียงราย นครราชสีมา ปราจีนบุรี และสกลนคร เป็นต้น โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่จะเร่งฝึกอบรมให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเน้นให้เป็นไปตามความต้องการของผู้ประกอบการเป็นหลัก ซึ่งพบว่า ผู้ประกอบการมีความตื่นตัวและสนใจที่จะเป็น SMEs เกษตรจำนวนมาก
“ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะร่วมวางแผนการผลิต การแปรรูปและการตลาด ให้กลุ่มเกษตรกร/ผู้ประกอบการเห็นชอบร่วมกันก่อนที่จะดำเนินกิจกรรมตามแผน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการลงทุนและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ โดยเน้นผลิตตามความต้องการของตลาด หรือใช้ตลาดนำการผลิต และมีการศึกษาพัฒนาสินค้าให้สอดรับกับเทรนด์ ความต้องการของผู้บริโภคด้วย” นายจารุพันธุ์ กล่าว
ส่วนแนวทางการวางแผนการผลิต ทุกฝ่ายจะมีการกำหนดชนิดและปริมาณผลผลิตที่จะต้องทำการผลิตตามความต้องการ เช่น ชนิดพันธุ์ที่จะปลูก ระยะเวลาเริ่มต้นการปลูก ช่วงระยะเวลาเก็บเกี่ยว รวมถึงกำหนดปริมาณผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวในแต่ละช่วงเพื่อให้มีผลผลิตกระจายสู่การแปรรูปและป้อนตลาดได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาและจัดระบบโลจิสติกส์หรือขนส่งผลผลิตไปยังตลาดและโรงงานแปรรูปควบคู่ไปด้วย
นายจารุพันธุ์ กล่าวว่า โครงการฯนี้ ได้เน้นส่งเสริมให้เกษตรกรโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตและเครื่องจักรที่ทันสมัย เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของเกษตรกรแต่ละราย เช่น จัดแบ่งกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพ กลุ่มผู้ผลิตพืชแต่ละชนิด และร่วมจัดหาปัจจัยการผลิตโดยใช้เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ร่วมกัน เช่น รถเก็บเกี่ยว เครื่องอบลดความชื้น เครื่องบรรจุภัณฑ์ เครื่องอบแห้ง เครื่องหั่น เป็นหนึ่งช่องทางที่สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ยังจะส่งเสริมสนับสนุนการเข้าสู่แหล่งทุนเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เกษตรรายใหม่ใช้ในการลงทุนหรือเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
“ที่สำคัญโครงการฯยังเตรียมความพร้อมในการส่งเสริมการตลาดให้กับผู้ประกอบการด้วย เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและเพิ่มโอกาสทางการตลาด เช่น ส่งเสริมการจำหน่ายผ่านระบบตลาดออนไลน์ การพัฒนาแอพลิเคชั่น “ฟาร์มสุข” เพื่อให้ผู้ประกอบการนำสินค้าไปโพสต์ขายบนสมาร์ทโฟน รวมถึงตลาดออฟไลน์ การออกบูทในงานแสดงสินค้าต่างๆ กลุ่มโรงแรมและภัตตาคาร ตลอดจนประสานเชื่อมโยงกลุ่มตลาดโมเดิร์นเทรด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น” รองอธิบดี กสอ. กล่าว
นายจารุพันธุ์ เปิดเผยถึงเป้าหมายของโครงการนี้ว่า ภายในปี 2561 จะมีผู้ประกอบการ SMEs เกษตรต้นแบบที่มีศักยภาพและมีความเข้มแข็งไม่น้อยกว่า 50 กลุ่ม และขยายผลเพิ่มมากขึ้นในปีถัดไป อนาคตคาดว่า การส่งเสริมพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ จะสามารถช่วยให้สินค้าเกษตรหลุดพ้นจากปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำได้ และตอบโจทย์นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากระดับชุมชนของประเทศด้วย” รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าว
สำหรับโครงการปั้นนักธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปไทย (SMEs เกษตร) ตามแนวประชารัฐ ถือเป็นหนึ่งโปรเจกท์ชิ้นโบว์แดงของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะดำเนินการขับเคลื่อนแบบเต็มสูบในปี 2561 นี้ ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 เพื่อสร้างและเพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการ SMEs เกษตรรายใหม่ทั่วประเทศได้ตั้งตัวและก้าวสู่ผู้ประกอบการ SMEs เกษตรที่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาศักยภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และอุตสาหกรรม พร้อมยกระดับขีดความสามารถการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการรายใหม่ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และเป็นหนึ่งใน 9 มาตรการขับเคลื่อนส่งเสริม SMEs สู่ 4.0 ของกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย นับเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปของไทยที่ไม่ควรพลาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี