29 ต.ค.61 นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีและโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยความคืบหน้าการศึกษาโครงสร้างค่าโดยสารเหมาะสมและสอดคล้องต้นทุนค่าครองชีพ เพื่อให้คนขับรถแท็กซี่สามารถประกอบอาชีพได้ว่า ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ศึกษาแนวทางการปรับขึ้นค่าโดยสารภายใต้เงื่อนไขที่ผู้ประกอบการจะต้องยกระดับคุณภาพบริการ
ทั้งนี้ ทีดีอาร์ไอสรุป 3 แนวทาง โดยที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ ปรับค่าโดยสารแบบคงค่าโดยสารเริ่มต้น 1 กม.แรก 35 บาท หลังจากนั้นพิจารณาว่า ค่าโดยสารที่เกิดจากการใช้บริการตามระยะเวลาของเส้นทาง เช่น หากการวิ่งให้บริการผ่านพื้นที่รถติด มิเตอร์ก็จะคำนวณตามเวลา เพื่อคิดค่าโดยสาร
อย่างไรก็ตาม การคำนวณค่าโดยสารดังกล่าวจะเฉลี่ยประมาณไม่เกินร้อยละ 8 โดยการที่ทีดีอาร์ ศึกษาเสนอปรับราคาค่าโดยสารจะดำเนินการในกลุ่มแท็กซี่ที่มีการปรับปรุงคุณภาพตามกรอบแท็กซี่โอเค ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 13,000 คัน จากแท็กซี่ในระบบกรุงเทพฯ กว่า 80,647 คัน เพื่อให้รถแท็กซี่สามารถอยู่ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาพิจารณาแล้วเห็นว่า รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของรถแท็กซี่แล้ว ควรจะอยู่ที่ 1.5 เท่าของรายได้ขั้นต่ำ
“ปัจจุบันรถแท็กซี่มีรายได้ 1,564 บาท รายจ่ายประมาณ 1,156 บาท เหลือรายได้ประมาณ 400 บาทต่อวัน ซึ่งมากกว่ารายได้ขั้นในกรุงเทพฯ 325 บาทต่อวันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากจะให้รถแท็กซี่อยู่ได้จริงจะต้องมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,643 บาทต่อวัน ดังนั้นจึงพิจารณาปรับค่าโดยสารดังกล่าว โดยทางกรมฯจะเสนอรมว.คมนาคมภายในสัปดาห์นี้ หากเห็นชอบลงนามเพื่อออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยขั้นตอนดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน”นายกมล กล่าว
นายกมล ยังกล่าวอีกว่า การพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารในครั้งนี้ จะได้สิทธิเฉพาะรถแท็กซี่มิเตอร์ที่เข้าร่วมโครงการแท็กซี่โอเคที่มีอยู่ 12,986 คัน ทั่วประเทศ จากแท็กซี่มิเตอร์ในกรุงเทพฯ ที่มีทั้งหมด 80,647 คัน หากแท็กซี่มิเตอร์คันอื่น ต้องการปรับขึ้นค่าโดยสารตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็จะต้องเข้าร่วมโครงการแท็กซี่โอเคเท่านั้น จึงจะสามารถปรับได้
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาตามสถิติการร้องเรียนแท็กซี่ผ่านสายด่วน 1584 ในปีงบประมาณ 2561 พบว่ามีถึง 48,223 เรื่อง สูงกว่าปีก่อนหน้าที่มีเรื่องร้องเรียน 43,804 เรื่อง ซึ่งเรื่องที่ถูกร้องเรียน มากที่สุด คือ ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร แสดงกริยาไม่สุภาพ ขับรถประมาทหวาดเสียว ไม่ใช้มาตร (มิเตอร์) ค่าโดยสาร และไม่ส่งผู้โดยสารตามที่ตกลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แท็กซี่วิ่งให้บริการในกรุงเทพฯ 80,647 คัน แบ่งเป็นแท็กซี่บุคคลธรรมดา 37,584 คัน และเป็นแท็กซี่นิติบุคคล 43,063 คัน ขณะที่ปัจจุบันแท็กซี่โอเคให้บริการแล้ว 12,986 คัน (ตัวเลขวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา) กรมฯ ยืนยันว่า หากแท็กซี่ที่ไม่เข้าระบบแท็กซี่โอเคมาแจ้งเข้าระบบด้วยการติดตั้งจีพีเอส ทำการตรวจสภาพ และเชื่อมโยงการบริการผ่านศูนย์ขนส่งก่อนประกาศปรับอัตราค่าโดยสารมีผลบังคับใช้ก็จะเข้าข่ายปรับราคาค่าโดยสารด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี