คมนาคมเผยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานส่งเสริมพื้นที่ EEC จะสามารถเพิ่มสัดส่วนขนส่งสินค้าอาเซียนมาท่าเรือแหลมฉบังได้และกระตุ้นการส่งออกให้เติบโตมากขึ้นในอนาคต

 15 พ.ย.61 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยในงานสัมมนา Next Step Thailand EEC...ยุทธศาสตร์ไทยเชื่อมโลก ว่า ทางรัฐบาลได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางด้านถนน ทางหลวงพิเศษ(มอเตอร์เวย์) รถไฟความเร็วสูงและสนามบินเพื่อส่งเสริมให้ EEC เป็นประตูการขนส่งสินค้าของอาเซียน โดยคาดว่าจะมีปริมาณสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาท่าเรือแหลมฉบังจำนวนมากเพื่อรอส่งต่อไปทั่วโลก และในอนาคตหากการดำเนินโครงการลงทุนต่างๆแล้วเสร็จจะส่งผลให้ปริมาณสินค้าตามเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก(EWEC) จากปลายทางในเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม จะถูกขนถ่ายมายังท่าเรือแหลมฉบัง เช่นเดียวกับสินค้าที่มาจากประเทศจีน ในอนาคตจะสามารถเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่ง(Shift Mode) จากรถบรรทุกเข้าสู่รางพร้อมขนส่งตรงไปยังแหลมฉบังด้วยเส้นทางรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และสินค้าจากสปป.ลาวและจีนตอนใต้จะเดินทางมาด้วยรถไฟความเร็วสูงจากจีนก่อนเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ระบบรถไฟทางคู่ที่จังหวัดหนองคายเพื่อไปสู่ท่าเรือในพื้นที่ EEC รวมถึงฝั่งกัมพูชาที่จำเป็นต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานของEECเพื่อส่งออกและนำเข้าสินค้า

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการเร่งลงทุนพัฒนาจุดส่งเสริมโลจิสติกส์ทั้งท่าเรือบกตามพื้นที่ภาคอีสาน ศูนย์เทกองสินค้าและตู้คอนเทนเนอร์ตามแนวรถไฟ(Container Yard) เพื่อรับรองรวมถึงผ่านขั้นตอนศุลกากรพร้อมลงเรือส่งออกไปประเทศที่ 3 ได้เลย โดยจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งที่ต้องให้ความสำคัญเพื่อส่งเสริมโลจิสติกส์เข้าสู่ EEC กับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมดั้งเดิมและมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางการขนส่งของเส้นทาง EEC-อีสานจึงต้องเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานระหว่างกัน และในอนาคตจะพัฒนาถนนเลียบชายแดนและถนนสายหลักตาามเส้นทาง348 เชื่อมสินค้ามุกดาหารมายังพื้นที่ EEC และแผนต่อขยายเส้นทางมอเตอร์เวย์สาย 7 รวมถึงแผนต่อรถไฟทางคู่จากEECไปยังกัมพูชาด้วย

นอกจากนี้ตามกรอบเวลาในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ดังกล่าวจะเริ่มจากปี 2564 ที่จะมีการเปิดให้บริการศูนย์ซ่อมอากาศยานและศูนย์ฝึกทางการบิน (MRO) ในพื้นที่อู่ตะเภา ในปี 2565 จะเปิดใช้ดิจิทัลพาร์ค รองรับอุตสาหกรรมไฮเทคและอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ในพื้นที่ ขณะที่ในปี 2566 จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และขยายสนามบินอู่ตะเภาแล้วเสร็จ รวมถึงปี 2567 จะเปิดใช้โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และการขยายท่าเรือมาบตาพุดแล้วเสร็จ

อย่างไรก็ตามนอกจากโครงสร้างพื้นฐานแล้วการเดินทางที่สะดวกสบายยังเป็นสิ่งที่กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญในEEC ที่ผ่านมาได้มีการลงทุนสร้างถนนเส้นใหม่เข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบัง และขยายถนนสายเดิมที่วิ่งเข้าสู่ท่าเรือของ EEC รวมถึงการลงทุนก่อสร้างทางยกระดับตามแยกต่างๆตลอดจนการขยายถนนและเพิ่มจุดกลับรถบริเวณนิคมอุตสาหกรรมอีกด้วย