คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานว่า กนง.ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ โดยมี
แนวโน้มขยายตัวชะลอลง โดยเศรษฐกิจไทยปี 2561 คาดว่า GDP ขยายตัวร้อยละ 4.2 ส่วนปี 2562 ขยายตัวร้อยละ 4 ปรับลดลงจากที่ประเมินไว้ครั้งก่อนที่ร้อยละ 4.4 และ 4.2 ตามลำดับ
โดยโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำกว่ากรณีฐานมาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นสำคัญ ได้แก่ มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐที่อาจเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น และความผันผวนในตลาดการเงินโลกในกรณีที่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง (no-deal Brexit)
นอกจากนี้ ยังมีการบริโภคภาคเอกชนที่อาจขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากกำลังซื้อในประเทศที่ยังขยายตัวไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะรายได้
ภาคเกษตรที่อาจลดลงมากกว่าคาด และการใช้จ่ายภาครัฐที่อาจต่ำกว่าคาดจากข้อจำกัดในการเบิกจ่ายและการดำเนินโครงการลงทุนของภาครัฐ
อย่างไรก็ดี กรรมการกนง.ส่วนใหญ่เห็นว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจมีความต่อเนื่องชัดเจนเพียงพอและมีแนวโน้มขยายตัวสอดคล้องกับศักยภาพจึงมีมติเมื่อวันที่ 19ธันวาคม 2561 ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 1.75
ทั้งนี้ กนง.ประเมินว่าการลดระดับความผ่อนคลายของนโยบายการเงินลงเล็กน้อยจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป แต่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงิน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนระยะยาว ความจำเป็นที่ต้องพึ่งพานโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับที่ผ่านมาจึงลดน้อยลง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จะช่วยสร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) สำหรับอนาคตเมื่อมีโอกาส
โดยกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานเอื้อให้เกิดการสะสมความเปราะบางในระบบการเงินต่อเนื่อง และเห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จะช่วยทยอยปรับสมดุลต่อพฤติกรรมการบริโภค การออม การกู้ยืม และการลงทุน รวมทั้งช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนระยะยาว โดยเฉพาะในภาวะที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย
ทั้งนี้ คณะกรรมการจะติดตามการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปยังอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงิน
ภายใต้ภาวะที่สภาพคล่องในระบบการเงินไทยยังอยู่ในระดับสูง เพิ่มเติมจากการที่อัตราผลตอบแทนในตลาดการเงินโดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้นได้ทยอยปรับตัวไปก่อนหน้าแล้ว เพื่อให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพโดยไม่กระทบต่อศักยภาพของระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ คณะกรรมการ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจะยังมีความเหมาะสมในระยะข้างหน้า และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยอาจไม่เป็นไปอย่างต่อเนื่องดังเช่นในอดีต ทั้งนี้ คณะกรรมการ จะประเมินสถานการณ์ตามพัฒนาการของข้อมูลเป็นสำคัญ (data-dependent) ทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจอัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมในระยะต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี