นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐและจีน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำการศึกษาผลกระทบเพิ่มเติมหลังจากที่สหรัฐฯเตรียมขึ้นภาษีสินค้าที่นำเข้าจากจีนอีก 10% ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 โดยมีผลกับสินค้านำเข้ามูลค่ารวม 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ผลกระทบจากการที่จีนมีการตอบโต้สหรัฐด้วยการปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับกว่า 7 หยวนต่อเหรียญสหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนสิงหาคมนี้
“ก่อนหน้านี้ คณะทำงานได้รับผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐและจีนในส่วนของการที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน รอบแรกมูลค่า 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งครั้งนั้นผลการศึกษาพบว่าไทยได้รับผลกระทบไม่มากนักในภาพรวม แต่เมื่อจีนใช้นโยบายค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงมา สหรัฐจึงทำการตอบโต้การขึ้นภาษีฯที่เหลือของจีน ขณะที่สองฝ่ายยังไม่สามารถทำข้อตกลงยุติสงครามการค้ากันได้ และมีแนวโน้มที่ความขัดแย้งจะบานปลายกลายเป็นสงครามค่าเงินทำให้ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเหล่านี้ย่อมทำให้มีผลกระทบต่อการส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อมมากขึ้น”นายเกรียงไกรกล่าว
นอกจากนี้การศึกษายังจะมีการวิเคราะห์กรณีหากมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน เข้าไปผนวกด้วยเนื่องจากเห็นว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อชี้ให้เห็นว่าเมื่อมีปัจจัยนี้เข้ามาแล้วทิศทางเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร นอกเหนือจากปัจจัยด้านสงครามการค้าและค่าเงินบาทที่แข็งค่าเพื่อที่จะส่งสัญญาณให้ภาครัฐและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องได้นำไปกำหนดนโยบายและมาตรการในการรองรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น
“แม้ว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน ขณะนี้รัฐบาลเองย้ำว่าจะไม่ได้ขึ้นทันทีทันใด แต่สอท.ก็จะศึกษาไว้ทีเดียวเพื่อที่จะได้รับรู้ถึงทิศทางภาพรวมเนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกทุกฝ่ายจะได้เตรียมรับมือ” นายเกรียงไกรกล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดการส่งออกเดือนมิถุนายน 2562 มีมูลค่า 21,409 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 2.15% เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แต่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่ติดลบถึง 6.20% ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกครึ่งปีแรกมีมูลค่ารวม 122,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังติดลบ 2.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุที่ทำให้การส่งออกยังติดลบ เนื่องจากปัญหาสงครามการค้าจีนและสหรัฐ โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน และเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรกของไทย ปรับตัวลดลงเกือบทุกรายการทั้งคอมพิวเตอร์ส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า นอกจากนี้ ความขัดแย้งของประเทศคู่ค้าอื่นๆ ยังเป็นสถานการณ์ซ้ำเติมบรรยากาศการค้าโลก ทำให้ความไม่แน่นอนและความกังวลของผู้บริโภคและนักลงทุนทั่วโลกเพิ่มขึ้น
ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ยังหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยเฉพาะข้าวติดลบถึง 34.6% ตามความต้องการของตลาดที่ลดลง เนื่องจากจีนเริ่มเป็นผู้ส่งออกข้าวแทนการนำเข้า รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง รวม 6 เดือนแรกของปี 2562 ส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวที่ 2.2% ทำให้รวม 6 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวที่ 2.6%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี