นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานฯ (กพช.) เมื่อวันที่11 ก.ย.เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแนวทางส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ของประเทศในการทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงด้วยการขยายส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี10 ให้ต่ำกว่า บี7 ที่ 2 บาทต่อลิตร และลดส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมัน บี20 ให้ต่ำกว่าน้ำมัน ที่ 3 บาทต่อลิตร มีผล 1 ตุลาคม 2562 พร้อมกับกำหนดการบังคับใช้บี10 เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดพื้นฐานเริ่ม 1 มกราคม 2563 และให้บี7 และบี20 เป็นน้ำมันทางเลือกแล้วนั้นขั้นตอนต่อไปจะมาพิจารณาน้ำมันกลุ่มเบนซินที่เกี่ยวข้องกับเอทานอลว่าจะดำเนินการส่งเสริมอย่างไรที่จะให้รายได้นั้นตกถึงมือเกษตรกร คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินสิ้นปีนี้
“เรื่องของการยกเลิกการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 แล้วให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี20 มาเป็นน้ำมันพื้นฐานแทนหรือไม่นั้น เราคงจะต้องมาดูในขั้นตอนต่อไปหลังจากที่ได้มีการทำในส่วนของไบโอดีเซลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็จะพยายามให้แล้วเสร็จเห็นภาพชัดในสิ้นปีนี้ว่าที่สุดแล้วน้ำมันของไทยจะเหลือกี่ประเภทซึ่งยอมรับว่าปัจจุบันอาจจะมีมากเกินไป” นายสนธิรัตน์กล่าว
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี ที่ปรึกษาสมาคมการค้าและผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า แม้ว่าสมาคมฯไม่เห็นด้วยกับการปรับลดเป้าหมายดังกล่าวแต่หากรัฐยังคงยืนยันกับนโยบายนี้ก็คงต้องปฏิบัติตามแต่สิ่งหนึ่งที่ต้องการเห็นคือการยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ให้เร็วที่สุดเพื่อสนับสนุนให้ อี20 (เบนซินผสมเอทานอล 20%) เป็นน้ำมันพื้นฐานหลักและที่เหลือเป็นพลังงานทางเลือกเช่นเดียวกับบี10 เพื่อเพิ่มการใช้เอทานอลที่ผลิตจากอ้อยและมันสำปะหลัง รายได้ตกกับเกษตรกรและสำคัญคือเอทานอลเป็นพลังงานสะอาดที่ผลิตได้ในประเทศ
“เราต้องยอมรับว่าอีวีนั้นยังมาไม่เร็วหรอกเพราะแบตเตอรี่ยังไม่เสถียร ราคารถยนต์ยังแพง ดังนั้นระหว่างที่จะไปถึงตอนนั้นรัฐควรจะมองในเรื่องการส่งเสริมเอทานอลที่เป็นพลังงานที่ไทยผลิตได้เองหรือไม่ และหากจะให้แฟร์กลุ่มเบนซินวันนี้ที่ถูกเก็บเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถอุดหนุนกันเองได้ แต่วันนี้รัฐเอาไปหนุนฟากของไบโอดีเซล”นายสิริวุทธิ์กล่าว
แหล่งข่าวจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) กล่าวว่า พพ.ได้มีการเปิดรับฟังความเห็นต่อร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561-2580 (AEDP-2018) เรียบร้อยแล้วและเตรียมสรุปเพื่อนำเสนอรมว.พลังงาน เห็นชอบต่อไปเพื่อให้สอดรับกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2561-2580 (PDP-2018) โดยแผนนี้จะคำนึงถึงทิศทางการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลในอนาคตหักลบด้วยแผนการอนุรักษ์พลังงาน และทิศทางที่รถยนต์จะก้าวไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) บวกกับพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กำหนดเลิกการสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพใน 3-7 ปี จึงปรับลดสัดส่วนเอทานอลและไบโอดีเซลลง
ซึ่งแผน AEDP 2015 เดิมมีเป้าหมายส่งเสริมเอทานอลทั้งสิ้น 11.30 ล้านลิตรต่อวัน แผนใหม่จะเหลือ 6.6 ล้านลิตรต่อวัน ไบโอดีเซลเดิมรวม 14 ล้านลิตรต่อวันเหลือ 8 ล้านลิตรต่อวัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี