"คมนาคม"เล็งตั้งคณะทำงานเพื่อบูรณาการในการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล "ศักดิ์สยาม"มั่นใจลงนามMROกับAirbusได้สิ้นปีนี้ ด้าน"เอกนิติ"แจงแผนซื้อเครื่องบินใหม่ล่าช้าเพราะสั่งรื้อแผนเส้นทางบินทั้งระบบ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากานกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่าได้มีการมอบนโยบายให้การบินไทยไปทบทวนเกี่ยวกับเรื่องบุคลากรว่าในปัจจุบันบุคลากรที่มีอยู่ได้มีการปฎิบัติหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่และมีอะไรบ้างที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เกิดผลประกอบการที่มีประสิทธิภาพและลดปัญหาค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ รวมถึงให้ไปพิจารณาเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ หรือสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในเครื่องบิน ว่ามีปริมาณการใช้เท่าไหร่บางอย่างสามารถเรียกคืนเพื่อให้สามารถลดต้นทุนในการประกอบกิจการได้และให้ไปพิจารณาในส่วนของการให้บริการที่มีศักยภาพหลายเรื่องที่จะต้องมีการนำไปสู่การปฎิบัติให้ได้ ขณะที่การจัดหาอากาศยานนั้นก็ได้ให้การบินไทยฯ ไปพิจารณาใน 2 ส่วน แบ่งเป็น 1.อากาศยานที่มีอยู่แล้วมีสถานะภาพเป็นอย่างไรมีศักยภาพเพียงพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอจะต้องหาวิธีการบริหารจัดการให้สามารถนำเครื่องบินกลับมาทำรายได้ให้ได้ 2.วิธีการบริหารที่ขณะนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้แต่จะต้องทำแผนการใช้ให้สอดคล้องกับแผนบุคลากรด้วย
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ไปตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วย สายการบินไทย , บริษัท วิทยุการบินฯ (บวท.) , บริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ (ทอท.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อบูรณาการในการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พยายามให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากขึ้น โดยให้กรอบเวลา 3 เดือน ในการดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ขณะที่แผนจัดซื้อเครื่องบินใหม่นั้นก็ได้สั่งการให้การบินไทยเร่งดำเนินการแผนจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำ มูลค่ากว่า 140,000 ล้านบาท ซึ่งการบินไทยมีแผนการดำเนินการใน 6 เดือน แต่ต้องการให้มีการเร่งดำเนินการให้เร็วกว่านี้ เนื่องจากมองว่าการจัดหาเครื่องบินใหม่จะสร้างศักยภาพการแข่งขันของการบินไทยได้และในการจัดหาขอให้ไปพิจารณาว่าอากาศยานที่จะนำมาใช้นั้นจะต้องเป็นมาตรฐานมีคุณภาพ และเหมาะสมกับการทำธุรกิจ รวมถึงต้องพิจารณาเส้นทางการบินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ไปพิจารณาระบบการจำหน่ายตั๋วโดยสารให้มีประสิทธิภาพ ส่วนแนวทางการจัดทำแผนฟื้นฟูการบินไทยนั้น มองว่าเบื้องต้นการบินไทยได้มีการแผนที่ทำสมบูรณ์มาก แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับการปฎิบัติ จึงได้สั่งการให้ทำกรอบเวลาให้ชัดเจน เพราะเชื่อว่าหากสามารถดำเนินการได้ตามแผนทั้งหมดจะทำให้การบินไทยกลับมาเป็นสายการบินอันดับ 1 อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในส่วนของวามคืบหน้าศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ในพื้นที่อู่ตะเภานั้น ขณะนี้ได้หารือกับ Airbus ได้รับความคืบหน้าไปมากแล้ว เช่นเดียวกับสัญญา RFP ที่มีการเสนอบอร์ดอีอีซีให้พิจารณาแล้ว คาดว่าจะลงนามสัญญากับ Airbus ได้ภายในสิ้นปีนี้
ด้าน นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยจะมุ่งเน้นการดำเนินการในส่วนของการสะสมไมล์ (Royal Orchid Plus หรือ ROP) ในปีหน้า เพื่อจูงใจให้ผู้โดยสารมาใช้บริการการบินไทยมากขึ้น โดยปัจจุบัน ROP มีสมาชิกประมาณ 3 - 4 ล้านราย แต่มีผู้ใช้งานที่มีความเคลื่อนไหวไม่ถึง 1 ล้านราย ซึ่งการบินไทยจะต้องมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรให้สามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกและให้สมาชิกหันมาใช้ ROP มากขึ้น รวมถึงพิจารณาถึงการใช้ประโยชน์ และสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในประเด็นของการขายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์นั้น นอกจากในส่วนของเครื่องบินเก่าแล้วจะมีการพิจารณาขายที่ดินทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทด้วย รวมถึงหลังจากนี้การบินไทยจะมีการปรับปรุงแผนฟื้นฟูฯ เดิมบางส่วนให้สอดคล้องกับข้อสั่งการของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป โดยคาดว่าการปรับปรุงแผนดังกล่าวนั้น จะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน นับจากนี้ นอกจากนี้ สิ้นปีนี้จะมีการเร่งดำเนินการ ได้แก่ 1.เรื่องการเพิ่มรายได้ โดยจะใช้ Digital Marketing เพื่อนำมาเสนอขายตั๋วให้ได้มากที่สุดให้เต็มลำได้ทุกลำ 2.อีคอมเมิร์ซเป็นธุรกิจเสริม ต้องให้เกิดขึ้นได้ตามแผน แม้จะยังไม่ส่งผลกับรายได้มากนัก แต่จะส่งผลไปในปีหน้า 3.เรื่องค่าใช้จ่าย จะเจรจาตัวค่าใช้จ่ายที่ยังไม่จำเป็นไว้ก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายบ้างตัวตัดได้ก็ตัด ส่วนเรื่องการลดค่าตอบแทนผู้บริหารและบอร์ด ได้ดำเนินการแล้ว ซึ้งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องการลดวันหยุดงาน 1 วัน
ขณะที่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานคณะกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนจัดซื้อเครื่องบินล่าช้านั้นสาเหตุจากการบินไทยต้องกลับมาพิจารณาขีดศักยภาพในการใช้หนี้สิน เพราะการซื้อเครื่องบินใหม่ต้องทำการกู้เงินจำนวนมาก และมีความเกี่ยวพันกับตัวเลขหนี้สินสะสมในปัจจุบัน รวมถึงเรื่องเงินทุนในมือ จึงจำเป็นจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนการกลับมารื้อแผนเส้นทางบินในมือทั้งหมดเพื่อศักยภาพในการหารายได้ โดยเฉพาะตลาดเส้นทางบินเอเซีย ซึ่งอดีตเคยเชื่อว่าจะเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าได้รับผลกระทบอย่างมากเช่น เรื่องสงครามการค้าและการแข่งขันที่รุนแรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี