ll ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราการว่างงานต่ำระดับต้นของโลก..เพียงแค่ 0-1% ...จนกระทั่ง 1-2 ปีมานี้ เรื่องของการว่างงานกลับมาเป็นที่พูดถึงมากขึ้น และจากตัวเลขล่าสุด สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ไตรมาส 3/2562 ผู้มีงานทำลดลง 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มี 38.7 ล้านคน มาอยู่ที่ 38 ล้านคน...
แน่นอนว่าหลายคนคงโทษว่าเพราะปัญหาเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว แต่หากวิเคราะห์ลงไปให้ลึกกว่านั้น ก็จะพบว่า...ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนเพิ่มขึ้น 3% ส่วนหนึ่งเพราะเป็นช่วงที่ผู้จบการศึกษาใหม่เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยผู้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาว่างงานสูงสุด 2.15%...รองลงมาเป็นผู้จบอาชีวศึกษา วิชาชีพชั้นสูง มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า...ที่ต้องขีดเส้นใต้....คืออัตราว่างงานผู้จบระดับอุดมศึกษาอาชีวศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น มีอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน…มักจะมีคนพูดว่าคนไทยว่างงานเพราะ “ขี้เกียจ”....แต่ “เศรษฐศาสตร์วันหยุด”...ว่าที่จริงแล้วเพราะเงื่อนไขสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป...ทำให้เด็กไทยจบการศึกษามาไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานหรือเปล่า....และระบบการศึกษาของไทยก็ยังไม่ปรับเปลี่ยน...ให้สามารถผลิตคนออกมาให้ตรงกับตลาดแรงงานด้วยใช่ไหม..????
เชื่อว่าหลายคนรู้และพูดกันบ่อยว่า...ถึงเวลาต้องปรับปรุงระบบการศึกษาของไทยได้แล้ว...แต่ถามว่ารอให้หน่วยงานราชการขยับตัวเรื่องนี้ทันเวลาหรือเปล่า ก็ต้องบอกเลยว่าไม่มีทางทันเวลา..ดังนั้นจึงต้องอาศัยกำลังของภาคเอกชนที่พอมีศักยภาพเข้าร่วมขับเคลื่อนในประเด็นนี้
วันก่อนเห็นข่าวการเปิดงาน... “ซีพี ออลล์ กับยุทธศาสตร์การศึกษาไทย 2563” หรือ CP All Education Forum 2020 ...โดยมี คุณณัฏฐพลทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ....กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ“อนาคตการศึกษาไทย ปี 2020”...เนื้อหาสำคัญคือ “โลกของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากเทคโนโลยีและดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาททุกด้านในชีวิตประจำวัน Coding จะกลายเป็นอีกหนึ่งทักษะที่จำเป็นสำหรับเยาวชนไทยในอนาคต จนถึงขั้นอาจจะต้องเป็นภาษาที่ 3 ถัดจากภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อนาคตการศึกษาไทย ปี 2020 จึงเป็นการวางรากฐานหลักสูตรด้าน Codingในระดับชั้นประถมศึกษา รวมถึงเริ่มพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีความพร้อมในการสอนเยาวชน ขณะเดียวกัน การเรียนแบบท่องจำ ก็จะไม่ตอบโจทย์โลกแห่งอนาคต กระทรวงจะเดินหน้าเรื่อง Active Learning หรือการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง การเรียนรู้จากสถานการณ์จำลองในระดับชั้นประถมศึกษาเช่นกัน ต้องขอบคุณทางซีพี ออลล์ ที่ได้พัฒนาแนวคิดของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ให้เป็นรูปแบบ Work-based education ซึ่งสอดคล้องกับเรื่อง Active Learning เป็นต้นแบบสถาบันการศึกษาที่ดีมาอย่างยาวนาน”
ต้องว่าตลอดเวลา 15 ปีมานี้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ในประเทศไทย... มุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพ “คน” ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ จึงได้ก่อตั้งสถาบันการศึกษาเพื่อสังคมขึ้นมา 2 แห่ง คือ วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์(PAT) และสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) รวมถึงศูนย์การเรียนรู้ปัญญาภิวัฒน์อีกกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเปิดโอกาสให้เยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาผ่าน VDO Conference ...และปัจจุบัน ซีพี ออลล์ และสถาบันการศึกษาในเครือข่ายได้ผลิตเยาวชนให้กลายเป็นบุคลากรคุณภาพของสังคม ผ่านหลักสูตรการจัดการเรียนรู้แบบ Work-based education การเรียนรู้ควบคู่การปฏิบัติจริงในสถานประกอบการ รวมแล้วกว่า 28,000 คน...
เชื่อว่าถ้ามีภาคเอกชนอีกหลายๆ รายเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันมากกว่านี้โอกาสทางการศึกษาของเด็กไทยก็จะกระจายลงไปในทุกพื้นที่ และเป็นการศึกษาที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต...ที่สำคัญจะไม่มีคนไทยคนไหนต้องกลายเป็นคนว่างงานอีกเลย...
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี