กรมรางฯตั้งเป้าปี66 ผลิต-ใช้ชิ้นส่วนในประเทศ40% เซฟงบ-ต่อยอดลดค่าตั๋ว
19 กุมภาพันธ์ 2563 นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง(ขร.) กล่าวภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “พันธมิตรระบบราง สร้างสรรค์อุตสาหกรรมระบบรางไทย” ว่าการลงนามดังกล่าวเป็นไปสานนโยบายระดับกระทรวงที่จะต่อยอดนโยบาย Thai First โดยเป็นการรวบรวมบัญชีนวัตกรรมต่างๆตั้งแต่วัสดุอุปกรณ์ และเทคโนโลยี รวมถึงทักษะต่างๆที่คนไทยสามารถดำเนินการขับเคลื่อนเพื่อให้วางมาตรฐานร่วมกันและนำไปสู่การพัฒนาการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆในประเทศ รวมถึงนำไปสู่การกำหนดจัดซื้อจัดจ้างการผลิตในประเทศต่อไปแต่ก่อนหน้านั้นจะต้องกำหนดมาตรฐานรวมกันได้นั้นก็จะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆในระดับงานวิจัย ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายในการวางมาตรฐานเพื่อกำหนดชิ้นส่วนของรถไฟ และกำหนดการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์รถไฟ ภายในประเทศให้ได้ 40% ในปี 2566 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันไทยสามารถผลิตอุปกรณ์ในระบบส่งกำลัง ระบบเบรก และอุปกรณ์ภายในตัวรถได้แล้ว ซึ่งขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เริ่มมีการสั่งซื้อขบวนรถบรรทุกสินค้าที่ประกอบภายในประเทศแล้วจึงมองว่าจะมีส่วนทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบรางเช่น อุตสาหกรรมเหล็กมีการเติบโตมากขึ้น การใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศก็จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงที่ปัจจุบันมีการใช้งบประมาณประมาณ 9,600 ล้านบาทต่อปี รวมถึงในอนาคตคาดการณ์ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นถึงกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี และอาจจะช่วยลดราคาค่าโดยสารของผู้ใช้บริการได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามทาง ขร. อยู่ระหว่างการพัฒนา ศึกษา และวิจัย ในการผลิตเครื่องยึดเหนี่ยวราง (Rail Fastener) โดยผู้ประกอบการคนไทย เนื่องจากในปัจจุบันจะเป็นการนำเข้าจากประเทศจีนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะศึกษาและวิจัยแล้วเสร็จภายใน 8 เดือน จากนั้นจะทำการทดสอบทุกสภาวะอากาศระยะเวลา 1 ปี ก่อนที่จะผู้ผลิตภายในประเทศว่าสามารถผลิตได้หรือไม่ และทดลองใช้ต่อไป ซึ่งคาดว่า จะเริ่มใช้ได้ภายในปี 2566
ขณะที่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการส่งเสริมการพัฒนาระบุบราง ระหว่างกรมการขนส่งทางราง กับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 15 หน่วยงาน โดยระบุว่า การพัฒนาระบบรางต้องพัฒนาใน2ส่วนไปพร้อมกัน ทั้งด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและบุคลากร ซึ่งสถาบันวิจัยต่างๆที่ร่วมลงนามในครั้งนี้จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยกันพัฒนาและผลักดันระบบรางให้มีศักยภาพ และเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมรางในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)(BTS) กล่าวว่า ทาง BTS พร้อมให้ความร่วมมือในการนำวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศมาใช้ในรถไฟฟ้า BTS ซึ่งปัจจุบัน BTS ใช้อะไหล่และระบบอาณัติสัญญาณระบบโลกบริษัท บอมบาดิเอร์ ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ให้ BTS อยู่ และได้มีการตั้งโรงงานผลิตระบบเบรคและระบบอาณัติสัญญาณบางส่วนในไทย ขณะที่ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่ BTS ได้รับสัมปทานเป็นผู้ดำเนินการนั้นในส่วนของระบบสับหลีกรางนั้นทางบริษัท บอมบาดิเอร์ ก็ได้มีการจ้างให้บริษัทในประเทศไทยเป็นผู้ผลิต ซึ่งจากการใช้อุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศในหลายๆส่วนของ บีทีเอสนั้นทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนการใช้อุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศกว่า 5-10%
ทั้งนี้ ทาง BTS อยู่ในระหว่างขั้นตอนการเจรจาร่วมกับบริษัท ซีเมนส์ จำกัด และบริษัทที่ผลิตขบวนตู้รถไฟฟ้าจากประเทศจีน ให้มาประกอบขบวนรถไฟฟ้าในไทย เนื่องจากมองว่าในอนาคตไทยจะมีความต้องการเกี่ยวกับการผลิตของรถไฟฟ้าจำนวนมาก และในอนาคตไทยอาจจะเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี