ศาลปกครองไต่สวนนัดแรก"รฟม.-บีทีเอส" ปมเปลี่ยนTORประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 2ฝ่ายมั่นใจข้อมูล "บีทีเอส"ยันเปลี่ยนหลักเกณฑ์หลังปิดการขายซองประมูลไปแล้วทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ด้าน"รฟม."เชื่อยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการละเมิดบีทีเอส
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ศาลปกครองกลางได้นัดไต่สวนในคดีที่บริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ยื่นฟ้อง คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์ ) และพวกรวม 2 คน ขอให้เพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทีโออาร์โครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ให้นำข้อเสนอทางด้านเทคนิคมาให้คะแนนควบคู่กับข้อเสนอด้านราคา หลังจากที่มีการปิดการขายซองประมูลไปแล้ว เนื่องจากเห็นว่าก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกับเอกชนบางราย พร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยสั่งระงับการเปิดรับข้อเสนอของเอกชนในวันที่ 9 พ.ย.นี้ ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
โดยในการไต่สวนครั้งนี้ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส และ นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เดินทางเข้าให้ถ้อยคำต่อศาลด้วยตนเอง ซึ่งหลังการไต่สวนนาน 2 ชั่วโมงเศษ นายภคพงศ์ กล่าวว่า ในการไต่สวนทางรฟม.ก็ได้ส่งคำคัดค้าน คำร้อง โดยยืนยันว่าการดำเนินการของ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ยังไม่ถือว่าเป็นการละเมิดใดๆ กับบีทีเอส และเราก็ดำเนินการถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยศาลรับคำร้องทั้งหมดไว้พิจารณา และเชื่อว่าจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงสัปดาห์หน้า
เมื่อถามว่า ได้มีการเตรียมการอย่างไรหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายภคพงศ์ กล่าวว่า ไม่มีการเตรียมการใดๆ เพราะเรามั่นใจว่าศาลไม่น่าจะมีการคุ้มครอง จากนี้ศาลก็คงนำคำชี้แจงของทั้ง รฟม.และบีทีเอส ไปพิจารณา ถ้าเห็นว่าเพียงพอก็คงไม่มีการขอไต่สวนเพิ่มเติม แต่ถ้ายังขาดข้อมูลบางอย่างก็อาจจะเรียกไต่สวนเพิ่ม ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
ด้าน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ก็คงต้องรอผลการพิจารณาคดีของศาล ไม่แน่ใจว่าจะมีคำพิพากษาภายในสัปดาห์หน้าหรือไม่ ส่วนจะมีคำพิพากษาทันวันยื่นข้อเสนอหรือไม่นั้น ก็ได้ยินว่ากระบวนการน่าจะเร่งด่วน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ มองว่าการปรับหลักเกณฑ์จากเดิมพิจารณาข้อเสนอด้านราคา 100 คะแนน เป็นพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค 30 คะแนน และด้านราคา 70 คะแนน อาจทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ โดยมีการใช้ดุลยพินิจซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูก เพราะมีมติ ครม.ไปแล้วว่าวิธีการประเมินเป็นอย่างไร รวมถึงการศึกษาของ รฟม.เอง ซึ่งคงจะต้องเป็นไปตามนั้น แต่เสร็จแล้วมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังจากที่ปิดการขายซองประมูลไปแล้ว คล้ายๆกับว่ารู้อยู่แล้ว่าใครบ้างที่จะมีสิทธิเข้ามายื่นได้ ซึ่งมองว่าการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ต้องส่งให้ ครม.พิจารณาอีกรอบก่อน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ก็ได้ชี้แจงต่อศาลไปแล้ว และมีการขอให้ศาลยกเลิกการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้กลับมาใช้หลักเกณฑ์เดิม และขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย แต่ในคำฟ้องยังไม่มีการเรียกค่าเสียหายแต่อย่างใด และถ้าศาลไม่มีคำสั่งคุ้มครองก็ยังยืนยันที่จะเข้าร่วมประมูลในวันที่ 9 พ.ย.ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีความมั่นใจหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องมั่นใจ และเมื่อถามต่อว่าหากในอนาคตต้องมีการประมูลกันใหม่ในโครงการดังกล่าว ทางบีทีเอสจะเข้าร่วมอีกหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า โดยหลักการก็ถือว่าพร้อม แต่ก็ต้องขอดูทีโออาร์ ที่จะออกมาด้วย เมื่อถามว่ากรณี รฟม.บอกว่า บีทีเอสยังไม่ใช่ผู้เสียหายเพราะยังไม่ได้ให้มีการยื่นซองนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เราก็ชี้แจงไปแล้ว ก็ต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี