นางสาวฉัตรรัตน์ โหตระไวศยะ รักษาราชการแทนคณบดี วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เปิดเผยว่า ทิศทางและตำแหน่งยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในระยะ 20 ปีหลังจากนี้นั้น กำหนดให้ไทยพัฒนาสู่การเป็นประเทศรายได้สูงที่มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาค พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่ความเป็นชาติการค้าและบริการ เป็นแหล่งผลิตสินค้า เกษตรกรรมยั่งยืน แหล่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และมีนวัตกรรมสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยในการเปิด “หลักสูตรผู้นำและผู้บริหารระดับสูงของอุตสาหกรรมผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชน รุ่นที่ 1 (บลส.1)” ซึ่งเป็นการสัมมนาหลักสูตรระดับสูง ทางด้านบริหารจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจากระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ทั้งยังช่วยสร้างโอกาสในการเรียนรู้ทฤษฎีเชิงประยุกต์ในการออกแบบ และพัฒนาระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เพื่อการแข่งขันและยั่งยืน
รวมถึงจะสร้างโอกาสในการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารงานโลจิสติกส์และซัพพลายเชน โดยหลักสูตรดังกล่าว รับรุ่นละ 80 คน ซึ่งในขณะนี้สนใจสมัครแล้ว 20 กว่าคน และมีการติดต่อสอบถามมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ในอนาคตจะมีการต่อยอดหลักสูตร และมีแผนเปิดหลักสูตรที่เป็นวิชาชีพโลจิสติกส์ เพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ ป้อนไปยังตลาดแรงงานโลจิสติกส์ เนื่องจากเป็นตลาดแรงงานระดับสูง และเป็นที่ต้องการมาก ครอบคลุมทั้งการขนส่งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ
ด้าน นายมะโน ปราชญาพิพัฒน์ ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและบริการวิชาการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กล่าวว่า ในปัจจุบันโลจิสติกส์ไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขนส่งเดลิเวอรี่ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปเช่น การซื้อสินค้าออนไลน์ การสั่งอาหารออนไลน์ รวมถึงความต้องการของตลาดแรงงานด้านโลจิสติกส์ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่น ด้านคลังสินค้า การขนส่ง การนำเข้า-ส่งออก จึงทำให้ผู้ประกอบการหลายภาคธุรกิจหันมาลงทุนด้านโลจิสติกส์มากขึ้น เช่น บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย(SCG) , บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ , บริษัท ปตท. เป็นต้น
ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่สำคัญด้านโลจิสติกส์ ที่จะนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการชนส่งด้วยปัจจัยทางภูมิศาสตร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศอื่น เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว ที่จะต้องส่งต่อผ่านมายัง จังหวัดหนองคาย ก่อนเชื่อมไปยังท่าเรือแหลมฉบัง สอดรับกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมหาศาล ในการสร้างถนน รถไฟทางคู่เส้นทางต่างๆ และการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ถือเป็นการสร้างโอกาสและรายได้ของประเทศ รวมถึงโลจิสติกส์ของไทยที่จะกลายเป็นรายได้หลักของประเทศแทนด้านการท่องเที่ยวในอนาคต
นอกจากนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นั้น มองว่าเป็นโอกาสของธุรกิจโลจิสติกส์ เพราะทุกคนหันมาให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าว เช่นเดียวกับผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ และบุคลากรด้านโลจิสติกส์ ที่มีการปรับตัว เพื่อรองรับกั[ความเปลี่ยนแปลง รวมถึงทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดันเรื่องโลจิสติกส์ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ สร้างธุรกิจใหม่ๆ ทั้งยังสร้างเครือข่ายให้ครอบคลุมควบคู่ไปด้วย
สำหรับจุดประสงค์หลักของการจัดหลักสูตรดังกล่าวนั้น เพื่อพัฒนาองค์ความรู้เฉพาะด้าน สำหรับด้านโลจิสติกส์และซับพลายเชน ให้ร่วมสมัยกับสถานการณ์ปรกติใหม่ (New Normal) และวิธีปฏิบัติระดับสากล รวมถึงนำความรู้ ประสบการณ์ เทคนิคและวิทยาการของวิทยากรผู้บรรยาย คณาจารย์และผู้บริหารที่เข้ารับการอบรม มาเป็นบูรณาการให้แก่นักศึกษา และสถาบันการศึกษา อีกทั้งยังเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตร ตลอดทั้งสานสัมพันธ์ผู้บริหารภาครัฐ ผู้ประกอบการเอกชน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาวงการอุตสาหกรรม ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนต่อไปในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี