จากการที่ ฝ่ายบริหาร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ออกมาแถลงข่าวล่าสุดว่า เตรียมเดินหน้าจัดประกวดราคาหาเอกชนเข้าร่วมลงทุน(พีพีพี โครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงินลงทุนกว่า 1.2 แสนล้านบาท โดยระบุว่า คดีความที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนฯครั้งใหม่ที่ รฟม.ถูกเอกชนฟ้องร้องก่อนหน้าได้ข้อยุติหมดแล้ว เหลือเพียงคดีย่อยๆ เท่านั้น ทำให้ รฟม.สามารถที่จะเดินหน้าจัดประมูลใหม่ได้นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวในวงการผู้รับเหมารายใหญ่แห่งหนึ่ง กล่าวว่า ที่จริงประเด็นที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของบริษัทเอกชนฟ้อง รฟม.กล่าวหาทำละเมิดนั้นไม่ได้มีอะไรที่ลึกลับซับซ้อนเป็นเพียงประเด็นปลีกย่อยที่ต่อเนื่องมาจากที่ศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีฟ้อง รฟม.กรณีที่ปรับเปลี่ยนเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า หาก รฟม.กลับไปนำเอาเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกแบบเดิมที่ก่อให้เกิดปัญหามากมายตาม เช่น จะพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคและราคาประกอบกัน(ในสัดส่วน 30-70) ก็จะอาจจะถูกบริษัทเอกชนฟ้องร้องอีกครั้งก็เป็นไปได้
“อย่าลืมว่า ปัญหาการเปลี่ยนเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกดังกล่าว ยังคงถูกฟ้องอยู่ที่ศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ และยังมีรายงานผลสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่สรุปว่าผู้ว่าการ รฟม.และกรรมการคัดเลือกรวม 7 คนที่มีส่วนในการปรับเปลี่ยนเกณฑ์คัดเลือกมาใช้เข้าข่ายกระทำผิด ม.157 และกฎหมายอื่นๆ อีกหลายฉบับ ก่อนส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบต่อ ดังนั้น การปัดฝุ่นเอาเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเดิมที่รฟม.ไปขอจำหน่ายคดีต่อศาลกลับมาประกาศใช้ จึงเป็นการคิดอ่านคิดเอง เออเองของฝ่ายบริหาร รฟม.เท่านั้น”
แหล่งข่าวยังกล่าวถึงเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกที่รฟม.ยังคงยืนยันจะนำมาใช้ว่า ก่อนหน้านี้ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป.และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมขนส่งได้เคยออกมาทักท้วงและตีแผ่ข้อมูลไปหมดแล้ว การนำเอาเกณฑ์ผสมเทคนิค+ราคามาใช้ ไม่เพียงจะย้อนแย้งกับเหตุผลที่รฟม.กล่าวอ้างเรื่องเส้นทางก่อสร้างที่ต้องสร้างอุโมงค์และทางลอดแม่น้ำเจ้าพระยา จำเป็นต้องใช้เกณฑ์พิเศษทั้งที่ก่อนหน้านี้ รฟม.ก็เคยใช้เกณฑ์คัดเลือกปกติในโครงการรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ดังนั้น การนำเอาเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเจ้าปัญหานี้กลับมา จะทำให้ รฟม.ต้องสูญเสียงบประมาณมากขึ้นกว่าการใช้เกณฑ์ราคา 100%
“อยากจะฝากข้อคิดไปยังบอร์ด รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกฯด้วยว่าเหตุใดจึงยังคงปล่อยให้ฝ่ายบริหาร รฟม. นำเอาเกณฑ์ประมูลคัดเลือกดังกล่าวมาใช้ ทั้งที่มีข้อมูลประจักษ์ว่า มีความย้อนแย้งในตัวเอง และเป็นเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกมิได้ตั้งอยู่บนหลักการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (กนร.)และ คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติหลักการเอาไว้เมื่อ 29 มกราคม 2563 เหตุใดจึงไม่คิดที่จะให้ฝ่ายบริหาร รฟม.นำเสนอหลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเจ้าปัญหาที่ว่านี้ต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ, สคร.และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) รวมทั้ง ครม.ก่อนหรือ จะได้ข้อยุติเสียทีว่า รฟม.มีอำนาจที่จะใช้เกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเองหรือไม่ อย่าลืมว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าในการประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้ม หรือสีม่วงใต้ ทำให้ประชาชนต้องสูญเสียโอกาสในการใช้บริการรถไฟฟ้า สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจไปนับหมื่นล้านและยังทำให้หน่วยงานรัฐคือ รฟม.เองก็เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปนับพันล้านบาท สุดท้ายแล้วปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาลเอง คือผู้ที่ต้องแบกรับความล้มเหลวทั้งหมด” แหล่งข่าวระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี