‘ก้าวไกล’ ฟ้องศาลปกครองสั่งระงับเซ็นสัญญา ‘รถไฟฟ้าสายสีส้ม’ ชี้อาจทำเกิดค่าโง่รอบใหม่ 6.8 หมื่นล้าน สร้างภาระประชาชน
14 พฤศจิกายน 2565 นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล เป็นผู้ฟ้องที่ 1 -2 เข้ายื่นฟ้อง 1) รมว. กระทรวงคมนาคม 2) คณะกรรมการการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 3)คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางแค- มีนบุรี 4)กระทรวงคมนาคมเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำพิพากษาสั่งยกเลิกการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) และสั่งให้มีการประมูลรอบใหม่โดยให้มีการแข่งขันอย่างเสรีเป็นธรรมอย่างน้อย บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯจำกัด (มหาชน) หรือBTS และบริษัทบริษัททางด่วนทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพฯจำกัด (มหาชน) หรือBEM สองเจ้าใหญ่ต้องเข้าร่วมได้
อีกทั้งสั่งรฟม.ต้องชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ สภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ปฏิเสธอ้างว่าอยู่ในกระบวนการของศาล เพราะมีเรื่องจำเป็นหลายประเด็นที่ประชาชนควรรู้ก่อนมีการเซ็นสัญญา และขอให้เปลี่ยนคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการประมูลรอบใหม่ นอกจากนี้ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน และกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยมีคำสั่งระงับการเซ็นสัญญาไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีข้อเคลือบแคลงหลายประเด็น ทั้ง การเปลี่ยนเกณฑ์การประมูลกลางอากาศ การยกเลิกการประมูลครั้งก่อน ทั้งที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาไปแล้วว่าการยกเลิกการประมูลดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายการกีดกัน BTS ไม่ให้มีสิทธิ์เข้าประมูลรอบใหม่ ทำให้เกิดคำถามว่า คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 พยายามรักษาผลประโยชน์ของรัฐจริงหรือไม่ และเหตุใดจึงปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ ที่สำคัญตอนประมูลรอบแรกหาก BTS ชนะรัฐจะต้องจ่ายอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาท แต่การประมูลรอบ2 ที่BEM ชนะรัฐต้องจ่ายอุดหนุนมากถึง 78,288 ล้านบาท ทั้งที่ในทางเทคนิคเป็นเรื่องการสร้างสิ่งเดียวกัน ขนาดและและระยะทางเท่ากัน แต่ราคากับมีส่วนต่างถึง 6.8 หมื่นล้านบาท ที่ผ่านมาในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ สภาผู้แทนราษฎร เคยให้โอกาสรฟม.มาชี้แจง 2 ครั้งแต่ก็จงใจเบี้ยว เท่ากับปฏิเสธอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ จึงจำเป็นต้องมาพึ่งกระบวนการของศาลปกครอง
“นอกจากนี้ ยังเห็นว่า รมว. คมนาคมต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้ไม่ควรโบ้ยให้คนอื่นชี้แจงแทน ซึ่งต้องตอบให้ได้ว่าส่วนต่าง 6.8 หมื่นล้านหายไปไหนเหตุใด BTS จึงถูกกีดกันทั้งที่รู้กันอยู่ว่าเมืองไทยมีแค่ 2 เจ้าใหญ่เท่านั้น ขณะนี้กำลังจะมีการปันผลประโยชน์สำเร็จ หากศาลปกครองไม่ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เร็วๆนี้เรื่องจะถึงคณะรัฐมนตรีและก็คงจะอนุมัติเมกะดีลในตำนานนี้ไปอย่างน่ากังขา แล้วรัฐบาลหน้าจะตามไปแก้ไข ก็ทำได้ลำบาก จึงอาจกลายเป็นค่าโง่ก้อนใหม่ที่เป็นภาระให้ประชาชนต้องรับภาระจ่ายภาษีถึง 6.8หมื่นล้าน” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี