‘ศักดิ์สยาม’สั่งรฟท.ทบทวนแผนหยุดเดินรถเข้าหัวลำโพง ให้สอดคล้องรูปแบบความต้องการประชาชน พร้อมศึกษาปรับขบวนรถวิ่งนอกชั่วโมงเร่งด่วน
22 พฤศจิกายน 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีการว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีการพิจารณาหยุดให้บริการรถไฟเข้าสถานีหัวลำโพง พร้อมพัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์คมนาคมกลางเมือง ว่า ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทบทวนข้อมูลแผนการเดินรถให้รอบด้านครอบคลุมทุกมิติ โดยพิจารณาการปรับรูปแบบ และจำนวนรถไฟให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน รวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับให้ขบวนรถไฟวิ่งนอกชั่วโมงเร่งด่วน เป็นต้น
นอกจากนี้ได้มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเวทีสาธารณะชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน และจัดทำข้อมูลให้ชัดเจนในประเด็นดังกล่าว เพื่อหาข้อยุติและแก้ปัญหาให้ได้ทุกมิติ รวมถึงมาตรการเยียวยาต่างๆ รวมถึงการให้ข้อมูลด้านการพัฒนาหัวลำโพงให้เห็นภาพรวมทุกประเด็น ทั้งการอนุรักษ์อาคาร และการพัฒนาเชิงพาณิชย์ รวมถึงการบริหารสถานีกลางบางซื่อ โดยให้พิจารณาข้อมูลการศึกษาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และเน้นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ทั้งนี้ การรถไฟฯ ได้มีการตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ในการดำเนินการบริหารที่ดินของการการรถไฟฯ ทุกแปลง หลังจากกระทรวงคมนาคม พิจารณาข้อมูลของการรถไฟฯ พบว่า มีการขาดทุนสะสมต่อเนื่อง หรืออยู่ที่ประมาณ 150,000-160,000 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขจากกระทรวงการคลัง (ไม่ลงบัญชี) อยู่ที่ประมาณเกือบ 600,000 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันทางการรถไฟฯ มีภาระในเรื่องของการบริหารที่มาการขาดทุนสะสมมานาน ซึ่งจากการบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ประเมินรายได้ขั้นต่ำสุดใช้ระยะเวลาประมาณ 30 ปี จะมีรายได้เข้ามารวมระยะเวลาบริหารจัดการประมาณ 800,000 ล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท
สำหรับปัญหาเรื่องการเดินรถไฟฯ เข้ามาในกลางเมืองนั้น ทางรัฐบาลได้เล็งเห็นเรื่องดังกล่าว มานานแล้ว จึงได้ดำเนินการสร้างโครงการสถานีกลางบางซื่อขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางระบบคมนาคม โดยเฉพาะระบบราง ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟทางไกล, รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยายในอนาคต ขณะเดียวกัน อีกปัญหาหนึ่งของกรุงเทพมหานคร (กทม.) คือ ปัญหาการจราจร เนื่องจากจุดตัดทางถนนกับทางรถไฟ ประกอบกับเมื่อได้ก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วนั้น จึงมองว่า ควรมีการปรับการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพฯ อย่างมีผลเป็นรูปธรรม ปัญหาหลักคือการใช้ประโยชน์จากสถานีกลางบางซื่อที่ได้ลงทุนก่อสร้างมูลค่าถึง 30,000 กว่าล้านบาท
ขณะเดียวกันปัญหาการจราจรเป็นปัญหาใหญ่ของกรุงเทพฯ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจะต้องหาวิธีการที่เหมาะสม พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อมูลทั้งหมดที่สำคัญคือ การพัฒนาประเทศ หากยังไม่สามารถหาตัวแบบที่จะอยู่ร่วมกันได้ระหว่างสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์กับโลกสมัยใหม่ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาประเทศจำส่งผลให้เสียโอกาส อย่างไรก็ตามจะต้องรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายและประเมินว่าอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ที่ปัจจุบันมี 118 ขบวนที่ให้บริการเข้าสู่สถานีหัวลำโพง ซึ่งต้องมาพิจารณาว่า จะปรับลดเหลือ 22 ขบวนที่ให้บริการหลังเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง เชิงพาณิชย์ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ มีความจำเป็นที่จะต้องเหลือขบวนให้บริการคงไว้หรือกระทบต่อการจราจรอย่างไร ต้องมีการปรับตารางเวลาการให้บริการหรือไม่
ทั้งนี้ กรณีของการหยุดการเดินสถานีหัวลำโพงนั้น ก็จะมีการประชุมพิจารณาทบทวนว่า มีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ ต้องพิจารณาข้อมูลอีกครั้ง และหากต้องมีการจัดรถรับ-ส่งบริการ รวมถึงต้องหารือกับการรถไฟฯ และดูตัวเลขอีกครั้ง เนื่องจากจะต้องมีการประเมินเปรียบเทียบว่า การวิ่งให้บริการรถไฟเข้ามาสถานีหัวลำโพงกับการจราจรที่ติดขัดในช่วงปรับผ่านว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมจะพิจารณาถึงสิ่งที่จะมีผลกระทบต่างๆ ว่า จะสามารถปรับเวลาได้หรือไม่
“ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ว่าไปเพราะผมไม่อยากให้การรถไฟฯอยู่แบบนี้ ผมต้องการให้การรถไฟฯ มีสิ่งที่จะสามารถตอบคนในประเทศนี้ว่าเป็นการรถไฟฯจะเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งสามารถประกอบกิจจการแล้วมีกำไรและสามารถดูแลประชาชนได้จริง อย่าเพิ่งไปดราม่ากัน ในใจลึกๆ คือ ต้องการแก้ไขปัญหาจราจร และแก้ไขปัญหาของการบริหารของรถไฟฯ ที่เบื้องต้น จะต้องนำตัวเลขและข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ ถึงไม่มีรถไฟวิ่งตัดเลยก็ไม่ใช่ว่ารถจะไม่ติดไม่มีแน่นอนเพราะรถมันเยอะแต่ก็มองว่าจะดีขึ้นแน่นอน แต่ก็ต้องพิจารณาตัวเลขข้อมูลก่อนตัดสินใจ ทุกเรื่องสามารถทบทวนได้หมด ทุกวันนี้มีการปรับจาก 118 ขบวน เหลือ 22 ขบวน และจะสามารถปรับได้อีกหรือไหม” นายศักดิ์สยาม กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี