นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยถึงกรณี บริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์อีพี เมียนมา (บริษัทร่วมทุนบมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ.) แจ้งถอนตัวจากการเป็นผู้ร่วมทุนและผู้ดำเนินการในโครงการยาดานาซึ่งเป็นโครงการที่ผลิตก๊าซธรรมชาติส่งให้กับไทย ประมาณ 650 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
โดยขณะนี้ ว่า กกพ.ต้องรอหนังสือ บมจ.ปตท. ในฐานะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (ชิปเปอร์) อย่างเป็นทางการก่อนว่า การถอนตัวของโททาลฯ ครั้งนี้ ส่งผลกระทบการผลิตก๊าซฯ ป้อนไทย เป็นอย่างไร ลดลงหรือไม่ แล้วมีวิธีการแก้ไขอย่างไร จะต้องให้กกพ.ช่วยเหลืออะไรหรือไม่ ต้องรอพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อนเป็นอย่างไร เพราะถ้าปตท.สผ. ซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซฯ ให้กับปตท. ระบุว่า ไม่กระทบ สามารถหาผู้ร่วมทุนรายอื่นมาผลิตก๊าซฯ ได้ปริมาณเท่าเดิมทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
“ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ เห็นจากสื่อเท่านั้น เบื้องต้นเท่าที่ทราบ แม้โททาลฯ จะขอถอนตัวไป แต่ก็ไม่กระทบการจ่ายก๊าซฯ ตามหลักแล้วกกพ. ต้องรอหนังสือแจ้งเป็นทางการจากปตท. ในฐานะชิปเปอร์ ที่รับซื้อก๊าซมาจากปตท.สผ.ก่อนว่า เขามีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง เช่น ลดลงเท่าไร จะหาตัวไหนมาเพิ่ม ต้องใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เพิ่มหรือไม่ เท่าไร หรือจะต้องให้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ใช้น้ำมันเดินเครื่องไปก่อน เรื่องทั้งหมดนี้ ต้องรอให้ทางปตท.แจ้งหนังสือรายละเอียดทั้งหมดมาเป็นทางการแล้วมาดำเนินการต่อไป”นายคมกฤชกล่าว
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่า จะกระทบต่อค่าไฟฟ้า ที่เป็นค่าใช้จ่ายของประชาชนหรือไม่นายคมกฤช ชี้แจงว่า กรณีนี้ เป็นประเด็นที่กกพ. ต้องติดตามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน ต้องรอรายละเอียดทั้งหมดก่อน เพราะถ้าก๊าซฯ ที่หายไป แล้วนำเชื้อเพลิงที่ราคาแพงกว่ามาเติม จะส่งผลกระทบได้ ก็ต้องมาดูว่า ใครจะเป็นคนรับผิดชอบภาระในส่วนนั้น ต้องพยายามไม่ให้กระทบต่อประชาชนมากที่สุด
ด้านนายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ไทยนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาตั้งแต่ปี 2541 ในปัจจุบันนำเข้าที่ปริมาณ 965 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยรับก๊าซฯ จากแหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานาปริมาณ 650 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คิดเป็นประมาณ 10% ของปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในประเทศไทย ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ในอุตสาหกรรม และภาคขนส่งในรูปของเอ็นจีวี ซึ่งกรณีนี้ ปตท.และปตท.สผ.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คำนึงถึงความมั่นคงด้านพลังงาน และเตรียมการเพื่อความต่อเนื่องในการบริหารก๊าซธรรมชาติ
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างว่า โททาล เอนเนอร์ยี่ส์ฯ ถอนการลงทุนออกจาก เมียนมา โดยอ้างถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมในเมียนมา ขณะที่ ปตท.สผ.ยอมรับว่า ได้รับจดหมายของถอนตัวอย่างเป็นทางการจากบริษัทโททาลเอนเนอร์ยี่ส์ฯแล้ว ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนรายเดียวที่ได้แจ้งขอถอนตัวอย่างเป็นทางการในขณะนี้ พร้อมยืนยันว่าโททาลฯ ยังคงเป็นผู้ดำเนินการในโครงการต่อไปอีก 6 เดือน และจะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานไปยังผู้ดำเนินการใหม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี