นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยผลการดำเนินงานปีบัญชี 2564(1 เมษายน 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565) ว่า ธ.ก.ส.ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคชนบทในระหว่างปี จำนวน 667,971 ล้านบาท ทำให้มียอดสินเชื่อสะสมคงเหลือ 1,606,289 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากต้นปีบัญชี 35,485 ล้านบาท หรือ 2.26% ยอดเงินฝากสะสม 1,901,801 บาท เพิ่มจากต้นปีบัญชี 120,329 ล้านบาท หรือ 6.75% มีสินทรัพย์จำนวน 2,236,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.73% หนี้สินรวม 2,086,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น6% และส่วนของเจ้าของ 149,726 ล้านบาท เพิ่มขึ้น2.17% โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 98,610 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 91,031 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 7,579 ล้านบาท
ด้านอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (ROA) อยู่ที่ 0.35% อัตราตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 5.22% ขณะที่ NPLsอยู่ที่ 6.63% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) 12.43% สูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและเสริมสภาพคล่องลูกค้าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสCOVID-19 ผ่าน 3 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการชำระดีมีคืน ดำเนินการคืนดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้า 1,337,373 ราย จำนวนเงินกว่า 1,024 ล้านบาท 2) โครงการนาทีทองลดดอกเบี้ยสู้โควิดดำเนินการลดดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าที่มีภาระหนัก 184,920 ราย จำนวนเงิน 1,259 ล้านบาท และ3) โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบยั่งยืน ปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้วกว่า 3,702 สัญญา จำนวนเงิน 1,697 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังทำหน้าที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ผ่านมาตรการและโครงการสำคัญๆ ได้แก่ มาตรการรักษาเสถียรภาพด้านราคาสินค้าเกษตร ผ่านโครงการประกันรายได้พืชเศรษฐกิจหลัก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพาราและปาล์มน้ำมันโดยโอนเงินส่วนต่างเพื่อชดเชยเป็นรายได้ให้แก่เกษตรกรในกรณีสินค้าราคาตกต่ำ มีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากการรับโอนเข้าบัญชีโดยตรงไปแล้วกว่า 5.1 ล้านราย จำนวนเงินกว่า 88,398 ล้านบาท
นายธนารัตน์กล่าวว่า ภาคเกษตรไทยพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศถึง 80% ของ GDP เมื่อเศรษฐกิจโลกถดถอย จึงส่งผลกระทบโดยตรงทั้งการส่งออกและรายได้ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตร ในปี 2565 คาดว่า จะขยายตัว 2% โดยมีพืชเศรษฐกิจหลักที่มีโอกาสเติบโตได้ดี เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย ปาล์มน้ำมันและยางพารา เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงปัจจัยความผันผวนด้านราคาน้ำมันที่เปิดโอกาสให้พืชทดแทนเข้าไปเป็นทางเลือก โดย ธ.ก.ส. จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สิน ภาคครัวเรือน ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ ขับเคลื่อนนวัตกรรมการเกษตร หนุนพัฒนาชนบทสู่ความยั่งยืนและเน้นการเชื่อมโยงกับเครือข่ายด้านการเกษตรตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตและสร้างรายได้ที่มั่นคงยั่งยืนให้กับเกษตรกร
สำหรับในปีบัญชี 2565 (1 เมษายน 2565 -31 มีนาคม 2566) ธ.ก.ส. มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพพร้อมเป็นร่มสนับสนุนและดูแลเกษตรกรอย่างต่อเนื่องและไม่หุบร่ม แม้ต้องเผชิญภาวะวิกฤต โดยวางเป้าหมายสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 ล้านบาท เงินฝากเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 ล้านบาท และ NPLs/Loan อยู่ที่ 4.50% โดยปรับวิสัยทัศน์ “ธ.ก.ส. เป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการฟื้นฟูการประกอบอาชีพและการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนอย่างครบวงจร