นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่าตามที่กฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 และแนวปฏิบัติตามกฎกระทรวงฯฉบับที่ 3 หรือหนังสือ ว 78 ของกรมบัญชีกลาง ได้กำหนดสิทธิประโยชน์สำหรับ SME ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ สสว. และได้รับการรับรองภายใต้มาตรการสนับสนุน SME เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่www.thaismegp.com หรือระบบ THAI SME-GP และเสนอขายสินค้าที่ได้รับการรับรองเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ (Made in Thailand : MIT) จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จะได้รับแต้มต่อในการเสนอราคากับภาครัฐไม่เกิน 15% ของผู้เสนอราคาต่ำสุดที่เป็นผู้ประกอบการทั่วไปนั้น ทำให้ สสว. และ ส.อ.ท. มีแนวทางร่วมกันที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ที่ขายสินค้าที่ได้รับการรับรองเป็นสินค้า MIT ให้มีโอกาสเข้าสู่ตลาดภาครัฐรวมถึงตลาดภาคเอกชนได้ง่ายโดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้บรรลุเป้าหมาย

“ความร่วมมือครั้งนี้จะมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของทั้ง 2 ระบบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้หน่วยงานภาครัฐที่จะจัดซื้อ สามารถค้นหา SME ที่ขายสินค้า MIT ได้สะดวกในระบบ THAI SME-GP ขณะที่ผู้ประกอบการก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้วยแต้มต่อเพิ่มเป็นไม่เกิน 15% ปัจจุบันผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียน THAI SME-GP ของ สสว. มีกว่า 1.3 แสนราย กลุ่มที่จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นคือกลุ่มที่ขายสินค้า MIT โดยเฉพาะกลุ่มเหล็ก กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้มีโอกาสได้รับการจัดซื้อจัดจ้างจากภาครัฐได้มากขึ้น”นายวีระพงศ์กล่าว

นอกจากการเชื่อมโยงข้อมูลระบบ THAI SME-GP และระบบ MIT เพื่อการค้นหาในจุดเดียวกันแล้ว ยังร่วมกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายมาขึ้นทะเบียน เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น สนับสนุนข้อมูล ความรู้ ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับมาตรการภายใต้ข้อกำหนดในกฎกระทรวงฯ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ และสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ ของแต่ละฝ่าย รวมถึงสนับสนุนให้ SME เข้าถึงตลาดภาคเอกชนในเครือข่ายเป็นต้น ด้วยเป้าหมายเพื่อร่วมกันสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและภาคเอกชนได้มากขึ้น

นายวีระพงศ์กล่าวว่า ปัจจุบัน (ข้อมูลณ วันที่ 28 มิถุนายน) ระบบ THAI SME-GP มีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียน 135,077 ราย มีรายการสินค้าและบริการรวม 1,070,891 รายการ จังหวัดที่มีการขึ้นทะเบียนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี เชียงใหม่ ปทุมธานี และนครราชสีมา สินค้าที่มีการขึ้นทะเบียนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องใช้และอุปกรณ์สำนักงาน วัสดุอุปกรณ์และวัสดุสิ้นเปลืองสำหรับเครื่องดนตรี เกม ของเล่น งานศิลปะ งานฝีมือและการศึกษา บริการด้านการก่อสร้างและบำรุงรักษาอาคาร ส่วนประกอบและวัสดุสิ้นเปลืองของโครงสร้าง อาคาร สิ่งก่อสร้างและการผลิต และผลิตภัณฑ์ที่พิมพ์เผยแพร่ เป็นต้น

สำหรับไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม-ธันวาคม 2564) ภาครัฐมีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้า/บริการของ SME ที่ขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP คิดเป็นมูลค่ารวม 42,897 ล้านบาท สินค้าที่ได้รับการจัดซื้อจัดจ้างในลำดับต้นๆ เช่น งานก่อสร้าง อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ บริการทำความสะอาด อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น เชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้นอกจากเป็นขยายโอกาสให้ SME 
แล้วยังช่วยส่งเสริมสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ (Made in Thailand) ให้เข้าสู่ตลาดภาครัฐที่มีมูลค่าถึง1.3 ล้านล้านบาทต่อปี ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นและคาดว่า SME จะมีส่วนแบ่งในตลาดทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน