นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมเพื่อการลงทุน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2565 พบว่าเป็นช่วงสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ราคาพลังงานปรับตัวสูง ส่งผลต่อค่าครองชีพ และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่การตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์เริ่มมีหลายปัจจัยเข้ามาส่งผลรอบด้าน ทั้งเรื่องของต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัว รวมถึงโควิด-19ที่แม้สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลง แต่ยังต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะแนวโน้มเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่องนั้น จะส่งผลให้การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ในอนาคตมีต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากค่าขนส่ง ค่าแรง และวัสดุก่อสร้างที่ขยับขึ้นอย่างน้อย 3-5% และมีส่วนให้ราคาขายอสังหาริมทรัพย์ขยับสูงขึ้นตามไปด้วยกลายเป็นข้อได้เปรียบและโอกาสของผู้ที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว อีกทั้งคนที่กำลังตัดสินใจซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน สามารถซื้อได้ในต้นทุนเดิม พร้อมรับผลดีจากมูลค่าของบ้านและคอนโดมิเนียมที่จะเพิ่มมูลค่าสูงขึ้นได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
“คอนโดมิเนียมกลางเมืองเริ่มกลับมาอยู่ในความสนใจของผู้ซื้อและนักลงทุนอีกครั้ง จากสถานการณ์เงินเฟ้อและปัจจัยทางเศรษฐกิจดังกล่าวโดยเฉพาะโครงการที่อยู่บนทำเลศักยภาพ จำนวนยูนิตต่อโครงการมีไม่มาก และที่สำคัญการพร้อมเข้าอยู่อาศัย หรือพร้อมสำหรับการปล่อยเช่า สร้างผลตอบแทนได้ในทันที โดยประสบการณ์ที่ผ่านมาเห็นได้ว่าการลงทุนคอนโดมิเนียมในช่วงภาวะเงินเฟ้อ นักลงทุนยังมีโอกาสทำกำไรจากการลงทุนนั้นได้ค่อนข้างดี จากมูลค่าคอนโดมิเนียมที่ปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งโอกาสทำกำไรจากการปล่อยเช่าด้วย”นายชนินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ ผู้ซื้อที่ต้องการมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลศักยภาพ รวมถึงผู้ที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการซื้อสินทรัพย์ไว้เพื่อการลงทุนในระยะกลางและระยะยาว ยังมีปัจจัยบวกจากการตลาดเช่า ทั้งในกลุ่มนักท่องเที่ยวและคนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศแบบเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 โดยข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของกลุ่มกำลังซื้อและกลุ่มผู้เช่าจากต่างชาติที่กำลังจะกลับมา จึงคาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ยังมีโอกาสฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แนะภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงจุดมาช่วยเพิ่มความสามารถในการซื้อ ปลุกความเชื่อมั่นผู้บริโภค กระตุ้นการเติบโตอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
ทั้งนี้ตลาดคอนโดมิเนียมทำเลใจกลางเมือง โดยเฉพาะสุขุมวิทตอนต้นถึงย่านอโศก พบว่ามีโครงการเกิดใหม่น้อยมาก ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับวิจัยของ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ที่ระบุว่าอุปทานทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการขายในทำเลดังกล่าวมีประมาณ 2,000 ยูนิตเท่านั้น ทำให้มองว่าในปี 2565 นี้ตลาดเป็นโอกาสที่ดีของผู้ซื้ออย่างแท้จริง ด้วยราคาที่เหมาะสม และโอกาสจากมูลค่าที่ดินสามารถเติบโตได้อีกมากในอนาคต
โดยข้อมูลราคาที่ดินของย่านสุขุมวิท-ไทมส์สแควร์ในปี 2565 รายงานโดย ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด ระบุว่าราคาที่ดินสูงถึง 2.73 ล้านบาท/ตารางวา และมีแนวโน้มที่จะราคาสูงขึ้น นอกจากนี้ จากรายงานของ DDpropertyThailand Property Market Report Q1 2565-Powered by PropertyGuru DataSense ระบุว่า ตลาดเช่าทุกรูปแบบในปี 2565 ยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมที่มาเป็นอันดับ 1 มีความต้องการเช่าเพิ่มสูงถึง 26% เมื่อเทียบจากปีก่อน หากซื้อคอนโดมิเนียมไว้ลงทุนปล่อยเช่าจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี