พาณิชย์ช่วยสวนลำไย

ส่งผลผลิตไปต่างประเทศ

ดันราคาในตลาดพุ่งพรวด

พาณิชย์ลงพื้นที่ภาคเหนือ ปล่อยคาราวานลำไยส่งออกต่างประเทศ ดันราคาในท้องตลาดสูงขึ้น

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ลำไย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยว่า จากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ซึ่งในปีนี้กระทรวงพาณิชย์ได้วางมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2565 โดยได้มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลผลิตผลไม้ภาคตะวันออก ซึ่งการบริหารจัดการผลไม้เป็นไปได้ด้วยดี ทำให้ปีนี้ราคาผลไม้หลักอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน มังคุด รวมไปถึงสับปะรด

โดยวันนี้ ได้มีการปล่อยคาราวานรถคอนเทนเนอร์ บรรทุกลำไยสดช่อ เกรด AA จำนวนร่วม 100 ตันสด เพื่อนำส่งลำไยไปยังต่างประเทศ สำหรับผลไม้ลำไยในปีนี้มีผลผลิตออกมากกว่าปีที่ผ่านมา กรมการค้าภายในจึงได้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ผ่านการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ทั้งการร่วมมือกับสมาคมผู้ผลิตลำไยอบแห้งภาคเหนือ และสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย ในการสนับสนุนการรับซื้อลำไยเกรดรูดร่วง AA ในราคาไม่ต่ำกว่า 13 บาท และ A ในราคาไม่ต่ำกว่า 5 บาท แปรรูปเป็นลำไยอบแห้งเพื่อการส่งออก เป้าหมาย 100,000 ตัน ซึ่งทำให้ราคาในปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว โดยเกรดสดช่อส่งออก AA ราคาปีนี้อยู่ที่ 28-35 บาท ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว เกรด A อยู่ที่ 25-35 บาท ก็สูงกว่าปีที่แล้ว เกรดมัดปุ๊กใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ราคาสูงสุดอยู่ที่ 20 บาท มัดปุ๊ก B อยู่ที่ 15 บาท ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว สำหรับเกรดรูดร่วง ตอนนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตเข้าสู่ช่วงกลางค่อนปลาย ดังนั้นก็จะมีผลผลิตส่วนหนึ่งที่อาจจะต้องรูดออกมา ราคาในช่วงนี้ อยู่ในเกณฑ์ที่เกรดรูดร่วง AA สูงกว่าปีที่แล้ว 17-18 บาทแล้วในบางพื้นที่

โดยทางสมาคมผู้ผลิตลำไยอบแห้งยืนยันว่าจากการดำเนินการครั้งนี้ส่งผลให้ราคาลำไยจะไม่ลดลงอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นในปีนี้มาตรการที่กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดำเนินการ เฉพาะในเรื่องของลำไยร่วม 200,000 ตัน เป็นการประสานสมาคมฯ หาผู้ประกอบการอบลำไยเข้ามาช่วยอบ และเก็บเอาไว้เพื่อส่งออกประมาณ 100,000 ตัน รวมทั้ง ใช้มาตรการอมก๋อยโมเดลอีก 50,000 ตัน และกระจายออกนอกแหล่งผลิต ผลักดันการส่งออก โดยได้ดำเนินการไปแล้ว 15,000 ตัน นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ดำเนินการการรณรงค์บริโภคอีกประมาณ 10,000 ตัน ซึ่งกรมฯจะดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายและมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด