นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนสิงหาคม 2565 เท่ากับ 107.46 เทียบกับกรกฎาคม 2565 เพิ่มขึ้น 0.05% เทียบกับเดือนสิงหาคม 2564 เพิ่มขึ้น 7.86% ซึ่งเป็นอัตราที่คงที่ เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่มิถุนายนที่ 7.66% กรกฎาคม 7.61% บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อถึงจุดสูงสุดแล้วและถือว่าทรงตัวและจะปรับตัวลดลงในระยะต่อไป ส่วนเงินเฟ้อรวม 8 เดือนปี 2565 (มกราคม-สิงหาคม) เพิ่มขึ้น 6.14% และเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวนด้านราคาออกดัชนีอยู่ที่ 103.59 เพิ่มขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2565 และเพิ่มขึ้น 3.15% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2564 และเฉลี่ย 8 เดือน เพิ่มขึ้น 2.16%
ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นยังคงเป็นสินค้ากลุ่มพลังงาน ที่เพิ่มขึ้น 30.50% แม้ราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์จะลดลง
แต่ราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้ม และค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนการขนส่งและต้นทุนการผลิตที่สำคัญยังคงสูงขึ้น รวมทั้งค่าบริการ เช่น ค่าโดยสารสาธารณะ และค่าการศึกษาที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าในหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 6.83% ส่วนสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 9.35% โดยเฉพาะผักสด เช่น พริกสด ต้นหอม ผักคะน้า ราคาปรับสูงขึ้นเนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในหลายจังหวัด รวมทั้ง เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ เครื่องประกอบอาหาร และอาหารสำเร็จรูป ราคาปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนการผลิต ราคาวัตถุดิบ และค่าขนส่ง และยังมีสาเหตุจากฐานเงินเฟ้อปีที่แล้วเดือนสิงหาคม 2564 ต่ำ ทำให้เงินเฟ้อสิงหาคม 2565 เพิ่มขึ้นสูง ซึ่งเป็นเรื่องทางเทคนิค
อย่างไรก็ตาม มีสินค้าอีกหลายรายการที่ปรับลดลง เช่น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว เสื้อและกางเกงบุรุษ น้ำยารีดผ้า น้ำยาถูพื้น เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เตารีด เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และเครื่องรับโทรศัพท์มือถือ
แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนกันยายน 2565 คาดว่าจะเริ่มปรับลดลง โดยมีปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม เช่น ความตรึงเครียด
ในภูมิภาคต่างๆ การสู้รบไม่เพิ่มขึ้น ต้นทุนสินค้านำเข้าบางชนิดไม่เพิ่มขึ้น เงินบาทจะอ่อนค่าแค่ไหน จากการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ราคาพลังงานปลายปี จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ จากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นการส่งออกพลังงานของรัสเซียจะเป็นอย่างไร ส่วนปัจจัยภายใน ราคาสินค้าและบริการ ทยอยปรับเพิ่มขึ้น โดยผู้ผลิตยอมรับได้ ผู้บริโภคไม่กระทบเกินไป ราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง แม้ดีเซลยังไม่ลด และฐานเงินเฟ้อปีที่แล้วอยู่ในระดับสูง เงินเฟ้อตั้งแต่ตุลาคม-ธันวาคม 2565 น่าจะเพิ่มขึ้นไม่มาก มาตรการช่วยลดค่าครองชีพของรัฐบาลยังมีต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มีปัจจัยเสี่ยงที่นอกเหนือจากสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น ราคาพลังงานดีดตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ก๊าซธรรมชาติ และค่าไฟฟ้า ส่งผลต่อต้นทุนการขนส่งและการผลิตสินค้า รวมทั้งความรุนแรงของอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น จะทำให้
ผักสดขาดแคลนและราคาเพิ่มขึ้น และการปรับขึ้นค่าแรง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ที่ต้องติดตามผลกระทบว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งบางบริษัทที่เป็นบริษัทต่างชาติมีแนวโน้มจะปรับขึ้นราคาสินค้าตามบริษัทแม่ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
สำหรับเป้าหมายเงินเฟ้อทั้งปี 2565 ยังคงที่ประเมินไว้ใหม่ คือ 5.5-6.5% มีค่ากลาง 6% ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และการคาดการณ์เงินเฟ้อของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของไทย โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมิน 4.2-5.5% ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 6.2% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) 6.5% คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) 5-7% ธนาคารพาณิชย์ ประเมิน 5.2-6% และธนาคารโลก 5.2% เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี