นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งที่ 51/2565 (ครั้งที่ 818) เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 กกพ.มีมติรับทราบภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ประจำรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 และเห็นชอบผลการคำนวณประมาณค่า Ft สำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 โดยมีการนำค่า Ft ประมาณการและแนวทางการจ่ายภาระต้นทุนคงค้างที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แบกรับในกรณีต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ค่า Ft ปรับเพิ่มขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 กรณี เพื่อเปิดรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนผ่านเว็บไซต์ กกพ.ระหว่างวันที่ 14-27 พฤศจิกายน ก่อนจะพิจารณาและประกาศผลอย่างเป็นทางการวันที่ 1 ธันวาคมเพื่อบังคับใช้ต่อไป
ทั้งนี้กรณีที่ 1 ค่า Ft เรียกเก็บงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 224.98 สตางค์/หน่วย แบ่งเป็น Ft ขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุนเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 158.31 สตางค์/หน่วย และเงินทยอยเรียกเก็บเพื่อชดเชยต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงบางส่วน 66.67 สตางค์/หน่วยเพื่อให้ กฟผ.ได้รับเงินคืนครบภายใน 1 ปี โดย กฟผ.จะต้องบริหารภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชน 81,505 ล้านบาท ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับขึ้นเป็น 6.03 บาท/หน่วย
กรณีที่ 2 ค่า Ft เรียกเก็บงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 191.64 สตางค์/หน่วยแบ่งเป็น Ft ขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุนเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 158.31 สตางค์/หน่วย และเงินทยอยเรียกเก็บเพื่อชดเชยต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงบางส่วน 33.33 สตางค์/หน่วย เพื่อให้ กฟผ.ได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี โดย กฟผ.จะต้องบริหารภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชน 101,881 ล้านบาท ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับขึ้นเป็น 5.70 บาท/หน่วย
กรณีที่ 3 ค่า Ft เรียกเก็บงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 158.31 สตางค์/หน่วยโดย กฟผ.จะต้องรับภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชน 122,257 ล้านบาท ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเขึ้นเป็น 5.37 บาท/หน่วย
“ค่า Ft รอบเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ปรับเพิ่ม 68.66 สตางค์/หน่วย มาอยู่ที่ 93.43 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาท/หน่วย หากจะให้งวดนี้คงไว้ที่เดิมก็จะทำให้ กฟผ.ต้องแบกภาระที่เป็นตัวเลขจริงเพิ่มเป็น 1.7 แสนล้านบาท (สะสมตั้งแต่งวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2564 ถึงเดือนสิงหาคม 2565 ) หากรวมตัวเลขประมาณการที่ กฟผ.คาดว่าจะเกิดขึ้นงวดเดือนกันยายน-ธนวาคม 2565 อีก 3.4 หมื่นล้านบาท ก็จะเป็น 2 แสนล้านบาทแต่ด้วยข้อจำกัดด้านสถานะทางการเงินและสภาพคล่องของ กฟผ. เป็นอีกสาเหตุที่อาจทำให้ไม่สามารถตอบสนองนโยบายในการตรึงค่า Ft ในระยะยาวได้ หากจะให้ค่าไฟลดก็อาจพอมีวิธี คือ การเปลี่ยนหลักการ เช่น ให้ประชาชนใช้ก๊าซในอ่าวไทยที่มีราคาถูกก่อนแต่เมื่อเอกชนใช้ราคาแพงที่สุด สินค้าจะแพงอยู่ดี”นายคมกฤช กล่าว
ทั้งนี้ค่าไฟฟ้าที่แพงมาจากปัจจัยด้านเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักที่สูงขึ้นกว่างวดก่อนถึง 82.66% รวมถึงถ่านหินนำเข้า นอกจากนี้ เงินบาทที่อ่อนค่าก็ส่งผลต่อต้นทุนรวมเพิ่มขึ้น แม้จะหันไปใช้น้ำมันเตาและดีเซล แต่ราคาก็ยังคงสูงขึ้น โดยสถานการณ์ไฟฟ้าไทยยังอ่อนไหวและยังผันผวนระดับสูง จากความไม่แน่นอนก๊าซในอ่าวไทยที่แหล่งเอราวัณจะเข้าสู่ภาวะปกติได้มากน้อยเพียงใด เพื่อลดพึ่งพิงนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ที่มีราคาแพงมาทดแทน ขณะเดียวกัน ราคา LNG ตลาดโลก ยังแกว่งตัวระดับสูงจากอุปสงค์ที่เพิ่มจากการทยอยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศหลังโควิด-19 ส่งผลต่อความต้องการใช้พลังงานสูงขึ้นรวมทั้งไทย
อย่างไรก็ตาม เพื่อลดผลกระทบค่าไฟในส่วนของค่าบริการรายเดือน กกพ.ยังได้ทบทวนปรับอัตราค่าบริการรายเดือนลดลงสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้า 3 ประเภทคือ 1.ประเภทบ้านอยู่อาศัย ใช้มากกว่า 150 หน่วย จากเดิม 38.22 บาท/เดือน เป็น 24.62 บาท/เดือน และบ้านอยู่อาศัย แรงดันต่ำ อัตรา TOU เดิม 38.22 บาท/เดือน เป็น 24.62 บาท/เดือน 2.กิจการขนาดเล็ก
แรงดันต่ำเดิม 46.16 บาท/เดือน เป็น 33.29 บาท/เดือน 3.กิจการสูบน้ำเพื่อการเกษตร อัตรา TOU เดิม 228.17 บาท/เดือน เป็น 204.07 บาท/เดือน โดยจะประสานการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายให้มีผลวันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตพลังงานให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยและประเภทกิจการขนาดเล็กอีกทางหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี