nn กระทรวงพาณิชย์ ประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2565 สูงขึ้นมาแตะที่ร้อยละ 6.08...แม้ว่าจะอยู่ในกรอบจากการคาดการณ์...แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นตัวเลขสูงสุดทุบสถิติในรอบ 24 ปี ของไทยเลยทีเดียว...ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเพราะว่าราคาสินค้าและบริการขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในทุกหมวดหมู่เพราะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามราคาเชื้อเพลิง...ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีของปีนี้(2566) กระทรวงพาณิชย์ตั้งกรอบไว้ที่ในระดับร้อยละ 2.0-3.0 (สอดคล้องกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังตั้งกรอบร่วมกันไว้ที่ร้อยละ 1-3)...โดยกระทรวงพาณิชย์ให้เหตุผลว่าที่ตัวเลขเงินเฟ้อปีนี้จะชะลอตัวลงจากปี 2565 อย่างชัดเจน เนื่องจากราคาสินค้าส่วนใหญ่เริ่มทรงตัวและบางรายการปรับลดลงหลังจากที่ทยอยปรับขึ้นตามต้นทุนแล้วในปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาพลังงานโดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ มีแนวโน้มชะลอตัวตามอุปสงค์โลกที่ลดลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ฯลฯ
เมื่อเห็นข่าวแบบนี้ก็ดูเหมือนจะทำให้ประชาชนคนไทยพอจะเบาใจได้...แต่ก็เนอะ...ชีวิตมันสู้กลับจริงๆ..เพราะในวันถัดมาก็มีข่าวว่า...เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่...ประกาศขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มซึ่งมีผลตั้งแต่วันนี้ (6 มกราคม 2566)เป็นต้นไป โดยปรับขึ้นอีก 20 สตางค์ต่อฟอง จากเดิมฟองละ 3.40 บาทเป็น 3.60 บาทต่อฟองหรือ 6 บาทต่อแผง...สาเหตุที่ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มปรับสูงขึ้น มาจากราคาอาหารสัตว์สำเร็จรูปปรับสูงขึ้นอีก ทำให้ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มเป็น 3.30-3.40 บาทต่อฟอง
นอกจากไข่ไก่แล้ว...สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ...จะปรับเพิ่มราคาจำหน่าย สุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ขึ้นอีกกิโลกรัมละ 2-4 บาท ในวันที่ 14 มกราคม 2566 เนื่องจากทนแบกรับต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นต่อเนื่องไม่ไหว เพราะวัตถุดิบอาหารสัตว์หลักๆ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี กากถั่วเหลือง ฯลฯ ราคาพุ่งไม่มีแผ่วเลย
ในขณะที่ผู้เลี้ยงสัตว์ร้องว่าต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นจนแบกไม่ไหวแล้ว...สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย....ก็เตรียมทำหนังสือถึงกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์..เพื่อย้ำให้พิจารณาเห็นชอบการปรับขึ้นราคาอาหารสัตว์ เพราะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวสูงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2564...
เจอไปแค่นี้ก็หัวจะปวดไม่ไหวแล้ว...ปีนี้ผู้ประกอบการยังต้องเจอกับต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ที่ตอนนี้ขยับขึ้นไปแล้ว (และคงไม่ใช่ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย)...ซึ่งก็หนีไม่พ้นที่ผู้ประกอบการจะต้องสะท้อนออกมาผ่านราคาสินค้าและบริการ และสุดท้ายผู้บริโภคก็ต้องเป็นผู้แบกรับภาระนั้นไปโดยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้....
แล้วนี่ก็ยังไม่รู้ว่าท่าทีอันไม่เป็นมิตรกันระหว่างสหรัฐและชาติยุโรปกับจีนที่เป็นต้นเหตุในเรื่องห่วงโว่อุปทานจะคลี่คลายลงได้วันใด และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนซึ่งเป็นหนึ่งในต้นตอของปัญหาพลังงาน (น้ำมันก๊าซธรรมชาติ) จะจบลงได้ในเร็ววันไหมหรือว่าจะรุนแรงขึ้นอีก...ปัจจัยเหล่านี้คงทำให้ราคาสินค้าและบริการของไทยปั่นป่วนผันผวนในทิศทางขาขึ้นอย่างแน่นอน...สรุปก็คือไม่แน่ใจจริงๆว่ากรอบเงินเฟ้อเฉลี่ยปี2566 ทั้งปีที่ร้อยละ 3 ...จะเป็นไปได้ไหม
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี