วันจันทร์ ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2566
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
การเงินโลกผันผวน  กดดันเศรษฐกิจไทยโตแค่3.3%

การเงินโลกผันผวน กดดันเศรษฐกิจไทยโตแค่3.3%

วันเสาร์ ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจ การเงินโลก
  •  

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทยเปิดเผยว่า ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย หรือ GDPปีนี้ จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3.4% เป็น 3.3% หลังจากที่เศรษฐกิจไทยปีก่อนขยายตัวต่ำเพียง 2.6% แม้ปีนี้น่าจะเร่งขึ้นมาได้จากการท่องเที่ยวแต่ก็ต้องเผชิญความผันผวนจากเศรษฐกิจและการเงินโลกที่กระทบการส่งออก กำลังซื้อในประเทศน่าจะขยายตัวได้ดีตามการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ในกลุ่มโรงแรมร้านอาหาร อาหารและเครื่องดื่ม ขนส่ง และค้าปลีกค้าส่ง แต่หากเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกำลังซื้อคนไทยทั่วไป เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ การศึกษาและสุขภาพ อาจเติบโตได้แต่ไม่โดดเด่น

สำนักวิจัยฯ ตั้งข้อสังเกตว่าการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่ำกว่า GDP มาโดยตลอด มาปีนี้น่าจะขยายตัว 3.5% สะท้อนว่าการใช้จ่ายของครัวเรือนจะกลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากภาคการท่องเที่ยวที่สนับสนุนภาคบริการ แต่ไม่สามารถคาดหวังมากกับกำลังซื้อระดับล่าง เพราะรายได้ภาคเกษตรที่อ่อนแอ แม้ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นมาบ้าง ช่วยพยุงกำลังซื้อได้ดีขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้า แต่จากปัญหาเงินเฟ้อ หนี้ครัวเรือนสูงที่ยิ่งได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น น่าจะกระทบกำลังซื้อในช่วงไตรมาสสอง


แม้ว่าช่วงไตรมาสสองอาจมีแรงส่งจากกิจกรรมการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคมโดยเฉพาะเงินที่จะสะพัดเข้าชุมชนต่างจังหวัด เข้าถึงกลุ่มแรงงานรายได้น้อย ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น แต่ไม่มากพอจะสร้างงานและรายได้อย่างยั่งยืน เพียงประคองตัวช่วงรอจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นและกระจายไปในหลากหลายพื้นที่

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง จะมาจากการล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลกระทบงบประมาณรายจ่ายที่นำมาใช้ไม่ทันในวันที่ 1 ตุลาคม รวมถึงการลงทุนภาครัฐเติบโตต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า และเอกชนอาจเลื่อนการลงทุนการก่อสร้างโครงการใหม่ ส่วนการนำเข้าเครื่องจักรสำหรับโครงการใหม่ก็อาจเติบโตน้อยกว่าคาดไว้ก่อนหน้าตามเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอในสหรัฐและยุโรป อีกทั้งปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงขึ้น กดดันภาคการลงทุนของไทยปีนี้เติบโตช้ากว่าคาด สิ่งที่พอหวังได้ คือการย้ายฐานการผลิตจากจีนเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากปัญหาสงครามการค้านี้

ภาคการส่งออกมีแนวโน้มอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยคาดว่าการส่งออกสินค้าจะหดตัวราว 2.0%ในรูปดอลลาร์สหรัฐ หลักๆ มาจากวัฏจักรระยะสั้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นขาลง โดยเฉพาะกลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ หลังครัวเรือนในสหรัฐและยุโรปสั่งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากจากการระบาดโควิดก่อนหน้านี้จนเกิดกระแสทำงานที่บ้าน (WFH) ขณะที่กำลังซื้อสินค้ากลุ่มอื่นๆ เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน กลุ่มเกษตรแปรรูปและอาหารแปรรูปก็ยังอ่อนแอ แต่ไทยน่าจะยังคงเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจากรายได้จากการท่องเที่ยวที่ดีกว่าคาด คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะสูงถึง 28 ล้านคน

สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งไปสู่ระดับ 2.00% ต่อปี ในรอบการประชุมวันที่ 31 พฤษภาคม เนื่องจากในการประชุมรอบเดือนมีนาคมที่ผ่านมากนง. มีมุมมองห่วงปัญหาเงินเฟ้อ เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาเสถียรภาพการเงินของไทยยังไม่ได้รับผลกระทบหลังธนาคารบางแห่งในสหรัฐและยุโรปมีปัญหา

ด้านมุมมองเงินบาท มีโอกาสที่จะแกว่งตัวในกรอบ 33.50-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาสสองตามความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ประกอบกับช่วงไตรมาสสอง มักจะเห็นเงินทุนไหลออกในรูปเงินปันผลที่ถูกโอนไปต่างประเทศ และอาจทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลต่อเนื่องในช่วงนี้ อย่างไรก็ดี สำนักวิจัยฯคาดว่าเสถียรภาพตลาดเงินตลาดทุนน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะหลังมีความชัดเจนในการคงอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ และรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยที่จะมากขึ้น โดยเรามองเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าในระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปลายปีนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เอ็มโอยูร่วม ‘4 กระทรวง’ ดันปั้นฝีมืออัพสกิล ‘แรงงานไทย’ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เอ็มโอยูร่วม ‘4 กระทรวง’ ดันปั้นฝีมืออัพสกิล ‘แรงงานไทย’ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
  • เศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวฟื้น  ดันยอดตั้งธุรกิจใหม่ครึ่งปีพุ่ง17.33% เศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวฟื้น ดันยอดตั้งธุรกิจใหม่ครึ่งปีพุ่ง17.33%
  • \'อลงกรณ์\'เจรจาขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเกษตรไทย-จีน 'อลงกรณ์'เจรจาขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเกษตรไทย-จีน
  • สอวช.จับมือ สสว.-BEDO ขับเคลื่อนการส่งเสริม SME ด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ สอวช.จับมือ สสว.-BEDO ขับเคลื่อนการส่งเสริม SME ด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ
  • รัฐบาลปลื้มดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี รัฐบาลปลื้มดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี
  • นายกฯกำชับเร่งขับเคลื่อนประเด็นเศรษฐกิจไทย คาดปี 2566 ขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3.7 นายกฯกำชับเร่งขับเคลื่อนประเด็นเศรษฐกิจไทย คาดปี 2566 ขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3.7
  •  

Breaking News

'ชมรมชาวใต้ศรีราชา'แถลงข่าวจัดงานบุญประเพณีสารทเดือนสิบ ประจำปี 2566

'คนเชียงกลาง'ร่วมใจถวายผ้าป่ามหากุศล'คนเชียงกลางไม่ทิ้งกัน' ปีที่ 8

ลูกยางหญิงไทยชนะโคลัมเบียแบบสูสี3-1เซ็ต

'DGA'เปิดผลงานรัฐบาลดิจิทัล ประหยัด คุ้มค่ามูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 8 พันล้าน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายประพันธ์ สุขทะใจ ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved