นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ผู้บริโภคในปัจจุบันมีการดูแลสุขภาพและตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้นจากเทรนด์การบริโภคของคนรุ่นใหม่ และการส่งเสริมของภาครัฐให้ลดการทาน หวาน มัน เค็ม รวมถึงขอความร่วมมือและออกมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการในการออกผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการของทานเล่น หรือ สแน็ค หันมาออกผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์

โดยในปี 2566 ตลาดค้าปลีกสแน็คเพื่อสุขภาพของโลก เช่น สแน็คที่ไม่มีกลูเตน สแน็คที่ไม่มีน้ำตาล สแน็คที่ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ สแน็คที่มีไฟเบอร์สูง และสแน็คไขมันต่ำ มีมูลค่าสูงถึง 315,399.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 8.0%ประเทศที่มีการเติบโตของการบริโภคสแน็คเพื่อสุขภาพสูง ได้แก่ จีน ฮ่องกง ชิลี บราซิล อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ทั้งนี้เมื่อพิจารณามูลค่าตลาดค้าปลีกสแน็คของไทยในปี 2566 มีมูลค่า 105,200.7 ล้านบาท โดยมีการบริโภคในกลุ่มของทานเล่นรสเค็มหรือเผ็ด มากที่สุด 47,206.8 ล้านบาทคิดเป็น 44.9% สำหรับตลาดสแน็คเพื่อสุขภาพ มูลค่า 28,314.8 ล้านบาท คิดเป็น 26.9% ของมูลค่าตลาดสแน็คในไทย และมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูงอยู่ที่ 11.3%

สินค้าสแน็คเพื่อสุขภาพในตลาดไทยที่มีมูลค่าสูง 5 อันดับแรก ได้แก่ สแน็คที่ไม่มีน้ำตาล 4,378.1 ล้านบาท สแน็คที่ไม่มีกลูเตน 2,991.7 ล้านบาท สแน็คที่เพิ่มวิตามิน 2,872.2 ล้านบาท สแน็คที่มีโปรตีนสูง 2,654.3 ล้านบาทและสแน็คที่มีไฟเบอร์สูง 1,858.4 ล้านบาทในปี 2566 สินค้าที่มีการเติบโตโดดเด่น คือสแน็คจากพืช 56.6% สแน็คที่มีโปรตีนสูง 22.5% และสแน็คที่ไม่เติมน้ำตาลเพิ่ม 20.9%

จากข้อมูลของ Global Trade Atlas (GTA) สถิติการส่งออกสแน็คของไทย(คัดเลือกและจัดกลุ่มสินค้าโดย สนค. เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพสินค้า) พบว่าในปี 2566มีมูลค่าการส่งออก 1,954.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 5.8% จากปีก่อนหน้า โดย 1.กลุ่มของทานเล่นรสหวาน มีมูลค่าส่งออก 1,082.3ล้านเหรียญสหรัฐ 2.กลุ่มของทานเล่นรสเค็มหรือเผ็ด 505.5 ล้านเหรียญสหรัฐ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมหวานชนิดต่างๆทำด้วยน้ำตาล 220.4 ล้านเหรียญสหรัฐ 4.ไอศกรีม 146.6ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรกคือ จีน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย กัมพูชา เวียดนาม

นายพูนพงษ์กล่าวว่า ไทยมีศักยภาพในการผลิตและส่งออกสแน็ค เนื่องจากมีแหล่งวัตถุดิบสำคัญ รวมถึงภูมิปัญญาในการแปรรูปอาหาร ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก อย่างไรก็ตามเทรนด์การบริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หลายประเทศมีการออกกฎระเบียบ มาตรฐาน หรือฉลากสินค้าเพื่อรับรองคุณภาพของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ผู้ประกอบการจึงต้องติดตามข้อมูลข่าวสารมาตรฐานกฎระเบียบต่างๆ อย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่ใส่ใจต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมถึงหาตลาดส่งออกใหม่ที่มีแนวโน้มในการบริโภคสินค้าสแน็คเพื่อสุขภาพมากขึ้น ในขณะที่เกษตรกรควรผลิตสินค้าต้นน้ำที่สนับสนุนให้การแปรรูปสินค้าสอดรับกับมาตรฐานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม อาทิ ผักผลไม้ออร์แกนิค และการทำปศุสัตว์อินทรีย์แบบปล่อย