ll บริษัท ปตท. ค้าสากล จำกัด (PTTT) ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระยะยาวร่วมกับ บริษัท โอมาน แอลเอ็นจี แอลแอลซี (Oman LNG L.L.C.) เป็นครั้งแรก ทั้งนี้ การลงนามสัญญาดังกล่าว เกิดขึ้นจากความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท. โดยมีระยะเวลาของสัญญาตั้งแต่ พ.ศ. 2568-2572 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต่อยอดโอกาสและเสริมศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. ตลอดจนรองรับการเติบโตของตลาด LNG และความพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางซื้อขายLNG ในภูมิภาคอาเซียน...
ll มาตรการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. 2567 นี้ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่กำหนดให้ตรึงราคา LPGดังกล่าวระหว่าง 1 ก.ค.-30 ก.ย. 2567...ดังนั้นทาง กบง. จะต้องเตรียมประชุมพิจารณาทบทวนราคา LPG ให้ทันก่อนสิ้นเดือน ก.ย. 2567 นี้ โดยหาก กบง. มีมติต่ออายุมาตรการดังกล่าวออกไปอีก จะต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของบัญชี LPG มาพยุงราคาไว้แต่หากเลิกการอุดหนุนราคา จะส่งผลให้ราคา LPG ต้องปรับขึ้นตามกลไกตลาดโลก...!! หากไม่มีการชดเชยราคา LPG จะส่งผลให้ราคาจำหน่ายขยับจาก 25.87 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 29.96 บาทต่อกิโลกรัม หรือจากราคา 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม เป็นประมาณ 449.4 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม...สำหรับเงินที่ใช้ตรึงราคา LPG จะมาจากกองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของบัญชี LPG โดยกำหนดกรอบการใช้เงินได้ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันใช้ไปแล้ว 47,475 ล้านบาท...ยังเหลือกรอบวงเงินที่ใช้ได้อีก 2,525 ล้านบาท...ทั้งนี้การตรึงราคา LPG ที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัมนั้น ทาง กบง. ได้เริ่มตรึงราคามาตั้งแต่เดือน มี.ค. 2566 รวมเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว...
ll เป็นประเด็นที่น่าสนใจของสังคมอยู่ไม่น้อยทีเดียวที่...กระทรวงพลังงาน...กำลังจะผลักดันกฎหมายฉบับใหม่...นั้นคือ....กฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมัน....(180 มาตรา)...สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้คือจะกำหนดให้การปรับราคาน้ำมันทำได้เดือนละหนึ่งครั้ง ไม่ใช่ปรับทุกวัน และให้ปรับราคาได้ตามความเป็นจริงของต้นทุนน้ำมัน โดยจะนำระบบ Cost Plus ซึ่งหมายถึงระบบที่คิดราคาตามต้นทุนที่แท้จริง เข้าใช้แทนระบบอ้างอิงราคาน้ำมันต่างประเทศ และจะกำกับดูแลไปถึงเรื่องของการจำหน่ายก๊าซหุงต้มด้วย…และในกฎหมายฉบับนี้ ยังจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสาธารณกุศล รวมไปถึงสหกรณ์การเกษตร การประมง สามารถจัดหาน้ำมันมาใช้ได้เอง...
ll วันที่ 30 ก.ย. 2567 นี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)...จากทั้งหมด 7 คน จะมีจำนวน 4 คนที่จะต้องพ้นวาระงาน เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่มาครบ 6 ปี ซึ่ง 1 ใน 4 คนดังกล่าวรวมถึงตัวประธาน กกพ. ด้วย ได้แก่ 1.นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธาน กกพ.2.นายสุธรรม อยู่ในธรรม กรรมการ กกพ.3.นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการ กกพ.4.นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการ กกพ. ...และกระทรวงพลังงานคาดว่า กระบวนการสรรหาบอร์ด กกพ. ทั้ง 4 คนจะไม่สามารถดำเนินการได้ทัน 30 ก.ย. 2567 เนื่องจากยังมีขั้นตอนตามระเบียบที่ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง เช่น การตั้ง “คณะกรรมการสรรหาตำแหน่ง กกพ.”,การเปิดรับสมัคร และการตรวจสอบคุณสมบัติ เป็นต้น…ดังนั้นหลังจากวันที่ 30 ก.ย. 2567 ทาง กกพ. ที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ 3 คน รวมกับอีก 3 คนที่พ้นวาระงาน แต่ยังสามารถรักษาการตำแหน่ง กกพ. ได้ จะร่วมกันหารือเพื่อพิจารณาหาผู้ที่จะมาทำหน้าที่ “รักษาการประธาน กกพ.” จนกว่าจะคัดสรรกกพ. 4 คนใหม่เสร็จ...!! นายเสมอใจ ประธานบอร์ด กกพ. จะไม่สามารถปฏิบัติงานต่อได้เนื่องจากอายุครบ 70 ปีตามข้อกำหนด แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือกับกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาว่า นายเสมอใจ จะสามารถรักษาการตำแหน่งบอร์ด กกพ. ไปก่อนได้หรือไม่ แม้จะมีอายุครบ 70 ปีไปแล้ว...!! ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้เสนอรายชื่อคณะกรรมการสรรหาฯไปให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ พิจารณาแล้ว แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้น ส่งผลให้ต้องกลับมารอยื่นรายชื่อคณะกรรมการสรรหาฯ ให้กับรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แทน...โดยรายชื่อคณะกรรมการสรรหาฯ เบื้องต้นได้แก่ นายณอคุณ สิทธิพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน, ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะผู้แทนอธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและ นายวิจารย์ สิมาฉายา มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ผู้แทนองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ ฯลฯ...ทั้งนี้ งานสำคัญของ บอร์ด กกพ. ได้แก่การพิจารณาค่าไฟฟ้าให้เป็นธรรมกับทุกฝ่ายการบริหารจัดการไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ การบริหารจัดการกองทุนพัฒนาไฟฟ้า การเปิดรับซื้อไฟฟ้าตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และดูแลผู้ผลิตไฟฟ้าให้ปฏิบัติตามกติกา รวมถึงการดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าให้ได้รับความเป็นธรรม ฯลฯ...ll
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี